อาเซียน ออร์แกนิค กูร์เมต์ เฟสทิวัล...กินดื่มอย่างดูแลธรรมชาติ

งานชวนกันกินอาหารออร์แกนิค ที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้จึงเป็นวิถีปฏิบัติชวนให้ชาวโลกตระหนักรู้ว่า การกิน-ดื่มและดำเนินชีวิตที่ปลอดสารพิษนั้นเป็นจริงได้ อยากรู้เชิญชมและชิมอาหารในงาน อาเซี่ยน ออร์แกนิค กูร์เมต์ เฟสทิวัล (Asian Organic Gourmet Festival - AOGF) ซึ่งจัดเป็นปีที่ 4 แล้วที่กรุงเทพฯ

นิดา วงศ์พันเลิศ เจ้าของและผู้ก่อตั้ง 137 พิลลาร์ส สวีทส์ แอนด์ เรซิเดนเซส กรุงเทพฯ (137 Pillars Suites & Residences) บอกว่า

 “จุดประสงค์หลักของการจัดงานเนื่องจากลูกค้าเราเป็นไฮเอนด์ มีไลฟ์สไตล์ที่ต้องการมีวิถีชีวิตที่ดีขึ้น ทั้งการกินการอยู่ เราจึงนำเสนอข้อมูลความรู้ด้านอาหารและสุขภาพและทุกสิ่งที่เป็นออร์แกนิค และอยากให้เกิดการตระหนักรู้มากขึ้น โดยเฉพาะการสนับสนุนเกษตรกรที่ปลูกผลผลิตออร์แกนิค และอยากชี้ให้เห็นว่าอาหารที่ดีนั้นไม่จำเป็นต้องแพงหรือหาซื้อยาก ด้วยการสนับสนุนเกษตรกรท้องถิ่น และมีส่วนสนับสนุนการท่องเที่ยวจากการพัฒนาสิ่งที่เรามีอยู่ให้ดีขึ้นก็จะส่งผลดีเป็นลูกโซ่

 

สำหรับงานเทศกาลอาเชียน ออร์แกนิคฯ ครั้งที่ 4 จัดเป็นครั้งแรกที่กรุงเทพ จากเมื่อสามครั้งนั้นจัดขึ้นที่ 137 Pillars House ที่เชียงใหม่ ตลอดทั้งสี่วันนี้เรารวบรวมผู้ให้คำปรึกษาด้านสุขภาพ อาหาร และรวมเชฟชั้นนำมาปรุงอาหารที่มาจากวัตถุดิบออร์แกนิค แพร์ริ่งกับไวน์ออร์แกนิค นอกจากนี้ยังจัดงาน Farmer’s Market บริเวณลานจามจุรี ด้านหน้าของโรงแรม เป็นงานตลาดเกษตรกรร่วม 20 บูธ นำผลผลิตออร์แกนิคจากฟาร์มมาจำหน่าย ระหว่างเวลา11.00 - 20.00 น. นำเสนอผลิตภัณฑ์อินทรีย์ปลอดสารพิษที่ปลูกในท้องถิ่น เช่นข้าวและผัก เครื่องดื่มเพื่อเติมความสดชื่นและอาหารที่ปรุงสดใหม่ และเนื่องจากสปอนเซอร์หลักของเราคือเตอร์กิช แอร์ไลน์ จึงมีผลิตภัณฑ์จากประเทศตุรกีมาจำหน่าย เช่น กาแฟตุรกี, บาคลาวา (Baklava ขนมตุรกี) มีผลิตภัณฑ์ของมูลนิธิภัทรพัฒน์ (PatPat) มีไวน์ออร์แกนิค ช็อกโกแลต ฯลฯ

 

ส่วนไฮไลท์คืองานกาลา ดินเนอร์ งานเลี้ยงอาหารค่ำในแต่ละวันที่ห้องอาหารนิมิตรบนชั้นที่ 27 ซึ่งเป็นเวทีให้เชฟแต่ละท่านได้มาแสดงความสามารถและความคิดสร้างสรรค์ นำเสนออาหารออร์แกนิคจับคู่กับไวน์ ยังมีกิจกรรมพิเศษเช่น เชฟแต่ละท่านจะมาสาธิตทำอาหารพร้อมให้ชิมและสอบถามอย่างใกล้ชิด”

 อาหารเป็นหัวข้อหลักของงาน แต่ก็มี “วันเสาร์เพื่อสุขภาพ” (24 มีนาคม) โดยเจ้าภาพเชื้อเชิญกูรูด้านสุขภาพมาเปิดคลาสให้คำปรึกษาโดยตรงด้านการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม

 “วันนี้เรียกว่า Wellness Day จะมีกูรูสุขภาพที่มีชื่อเสียงจากต่างประเทศมาเปิดคลาสให้คำปรึกษา อาทิ โรเจอร์ มัวร์ (Roger Moore) จากประเทศอังกฤษ ที่มีหลักคิดว่า ทุกคนสามารถหาความสมดุลในการดำรงชีวิตได้โดยนำ 7 เสาหลักของสุขภาพไปใช้ปฏิบัติ ได้ รอน เวลดฮูอิย์ส (Ron Veldhuis) กูรูอาหารซูเปอร์ฟู้ดและการดีท็อกซ์ การบำบัดด้วยซิงกิ้งโบลว์ และ เฮนริค โอลอฟส์สัน (Henrik Olofsson) ชาวสวีเดน ผู้รู้เรื่องการออกกำลังกาย จะมาแบ่งปันข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการดำรงชีวิตเพื่อนำไปสู่เส้นทางแห่งสุขภาพที่ดีขึ้นและมีความสุข จูดิธ คูลสัน-เกสสแมน (Judith Coulston-Geissman) ผู้รู้เรื่องคุณค่าทางอาหารในรูปแบบของยาโภชนาการ และจะเข้าร่วมในคลาสเรียนการทำอาหารเพื่อสุขภาพกับเชฟอัญชลี และ โยธิน เหล่าสุนทรทรัพย์ จะสอนหลักปรัชญาของชี่กงและกังฟู

 สนใจคลาสไหนลงเรียนได้ในราคาคลาสละ 3,500++บาท จัดที่ห้องประชุมชั้น 6 เวลา 11.00 – 18.00 น. และที่ห้องนี้เราจัดเป็นห้องสำหรับชมการสาธิตทำอาหารด้วย”

 สำหรับนักชิมพลาดไม่ได้กับเชฟรับเชิญจากต่างประเทศปีนี้งานอาเชียน ออร์แกนิคฯ เลยขอบเขตของทวีปเอเชียไปแล้ว ด้วยการนัดพบดวลอาหารมื้อพิเศษนี้ มีเชฟจากประเทศตุรกี, อาร์เจนตินา และประเทศฟิจิ มาร่วมขบวนด้วย คุณนิดา เสริมว่า

 “ปีก่อน ๆ ที่จัดที่เชียงใหม่ มีเชฟคนไทยคือเชฟแบล็คกับเชฟโบ (ดวงพร ทรงวิศวะ ร้านโบ.ลาน) เข้าร่วมงาน แต่ปีนี้เราจัดที่กรุงเทพจึงอยากจัดให้ยิ่งใหญ่ขึ้น โดยเชิญเชฟชื่อดังจากประเทศต่าง ๆ สำหรับงานกาลา ดินเนอร์ ตลอดระยะเวลา 4 วัน โดยวันแรกที่เป็นงานเปิดเป็นค็อกเทล รีเซพชั่น เชฟโคลิน ชุง (Colin Chung) ชาวฮาวายจะมาเปิดตัวหนังสือเล่มล่าสุดของเขาชื่อ KANA VINAKA Contemporary Island Cuisine ของเขาด้วย เชฟโคลินปัจจุบันอยู่ที่เกาะฟิจิ ที่จริงเขาไปมาหลายประเทศและเชี่ยวชาญเรื่องการใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติ เช่น เดินไปริมทะเลแล้วหยิบสาหร่ายขึ้นมากิน หรือนำไปปรุงอาหาร เชฟโคลิน เป็นคนที่ชื่นชอบทะเลและรสชาติที่หลากหลายของอาหารทะเล เขามาจากรัฐฮาวายแต่โด่งดังมากในประเทศนิวซีแลนด์ ปัจจุบันเขาอาศัยอยู่ในประเทศฟิจิ ดินเนอร์ของเชฟจะเป็นอาหารแบบฟิจิ เช่น เฟรชทูน่า, สลัดกุ้งสไตล์ฟิเจี้ยน

 

สำหรับผู้สนใจอาหารจากธรรมชาติ ในหนังสือ KANA VINAKA นั้นจะอธิบายถึง eat well or good food ในภาษาฟิจินั้นไม่เพียงเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอาหาร แต่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับความคิดริเริ่มที่ไม่มุ่งหวังผลกำไรที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อยกระดับการดำรงชีวิต การทำฟาร์ม และพฤติกรรมการรับประทานอาหารของผู้ที่อยู่บนเกาะให้ดียิ่งขึ้น

 

เชฟชื่อดังจากอาร์เจนตินา คนนี้เขาเก่งมาก ดังมาก เชฟฮาเวียร์ โรดริเกซ (Javier Rodriguez) จาก ซานติอาโก เดล เอสเตโร ทางตอนเหนือของอาร์เจนตินา มีประสบการณ์การทำงานในร้านอาหารมิชลินสตาร์ระดับ 1, 2 และ 3 ดาว อาทิเช่น ร้านอาหารเท็ตสึยะส์ (Tetsuya’s) ในประเทศออสเตรเลีย, ร้านอาหารโนมา (Noma) ในประเทศเดนมาร์ก, ร้านอาหารมาอีโม (Maaemo) ในประเทศนอร์เวย์, ร้านอาหารลา กลอเรีย (La Gloria) ในประเทศเปรู, ร้านอาหารอองเดรย์ (André) ในประเทศสิงคโปร์ และร้านอาหารเวียฮันเต้ (Viajante) ประเทศอังกฤษ เขามีความเชื่อมั่นอย่างมากในการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและผลผลิตตามฤดูกาลจากผู้ผลิตรายย่อยในท้องถิ่น ส่วนอาหารของเชฟจะออกแนวเวสเทิร์น มีสตาร์ทเตอร์เป็นฟัวกราส์ ต่อด้วยหอยเชลล์, เมลอนกับชีสบูร์ราตากับน้ำมันมะกอก, เนื้อแกะอบ เป็นต้น

 

เชฟโทลการ์ มิเรลี (Chef Tolgar Mireli) จากประเทศตุรกี บินตรงมายังกรุงเทพ เพื่องานเทศกาลครั้งนี้โดยเฉพาะ เขาเป็นหนึ่งในเชฟที่ประสบความสำเร็จมีชื่อเสียงมากในประเทศตุรกี และมีประสบการณ์ในร้านอาหารที่ขึ้นชื่อว่าดีที่สุดในโลก เช่นร้าน เลอ กาฟร็อช (Le Gavroche) ของเชฟมิเชล รู จูเนียร์ (Michel Roux Jr.) ในลอนดอน ซึ่งเป็นร้านอาหารแห่งแรกในสหราชอาณาจักรที่ได้รับรางวัลดาวมิชลิน 1, 2 และ 3 ดวง เชฟชื่นชอบการทำอาหารฝรั่งเศษและอาหารอิตาเลี่ยนในรูปแบบดั้งเดิม โดยการนำเสนอความหลากหลายของรสชาติ และรูปแบบที่สามารถพบได้ในการปรุงอาหารตุรกี โดยดินเนอร์มื้อพิเศษของเชฟจะปรุงอาหารตุรกีให้ชิม เช่น ฮัมมัส, ซุปสไตล์ตุรกี และอาหารท้องถิ่นตุรกี

 

นอกจากนี้ในคืนที่ 3 จะจัดประมูลรางวัลพิเศษ เช่น เข้าพักที่โรงแรมเพนนินซุลา ปารีส, เรียนขี่ม้าโปโลที่พัทยา มีประมาณ 5-6 รางวัล ให้เป็นประสบการณ์สุดพิเศษหาผู้ประมูลชนะรางวัลไป รายได้เข้าการกุศล โดยจะประกาศผู้ชนะประมูลในงานซันเดย์บรันช์ วันอาทิตย์ที่ 25 มีนาคม ที่ห้องอาหาร Bangkok Trading Post ที่ชั้นล่างของโรงแรมฯ

 

ส่วนเชฟคนไทย เรามี เชฟอัญชลี พลรังสิต ซึ่งเป็นเอ็กซ์เซคคิวทีฟ ซูเชฟของ 137 Pillars ซึ่งจะปรุงอาหารสุขภาพ เน้นปลาและผัก เป็น Wellness Cuisineอีกทั้งเปิดคลาสเรียนทำอาหารที่จะจัดขึ้นในวันศุกร์และวันเสาร์ตั้งแต่เวลา 11.00 น. เป็นต้นไป เชฟจะมาบอกว่าการทำอาหารสุขภาพให้อร่อยนั้นเป็นไปได้และไม่ยากอย่างที่คิด

 

เชฟประจำห้องอาหาร “นิมิตร” ของโรงแรมฯ เชฟนานัง (Nanang Prasetya Aditama) ชาวอินโดนีเซีย ก็จะมาร่วมสาธิตปรุงอาหารให้ชมกับอาหารอินโดนีเซียนแนวฟิวชั่น

 

ส่งท้ายกิจกรรมวิถีออร์แกนิคคือ ผู้จัดงานจะนำรายได้ส่วนหนึ่งหลักหักค่าใช้จ่ายมอบให้ มูลนิธิเดอะ โบว์มอนท์ พาร์ทเนอร์ชิพ (The Beaumont Partnership Foundation) จังหวัดชัยภูมิ เพื่อช่วยเหลือและพัฒนาการศึกษาสำหรับผู้ด้อยโอกาสใน ประเทศไทยและให้การศึกษาแก่เด็กในชนบท โดยเมื่อปีที่แล้วงานเทศกาลฯ ครั้งที่ 3 ที่จัดขึ้นที่เชียงใหม่ได้มีผู้บริจาคเงินทั้งสิ้นเป็นจำนวน 236,000 บาท มอบให้กับมูลนิธิอุ่นใจ (Warm Heart foundation)

 

หมายเหตุ: งาน Asian Organic Gourmet Festival จัดระหว่างวันที่ 22-25 มีนาคม 2561 งานกาลาดินเนอร์ในงานเทศกาลเอเชียน ออร์แกนิค กูร์เมต์ เฟสติวัล ครั้งที่ 4 ราคาท่านละ 4,200++บาท รวมไวน์แพร์ริ่ง สำหรับคลาสเรียนทำอาหารราคา1,900 ++บาท ประกอบด้วย 2 คลาส ส่วนกิจกรรมวันแห่งสุขภาพ Wellness Day ราคาท่านละ 3,500 บาท และงานกาลา ฟินาเล่ บรันช์ บุฟเฟต์ ท่านละ 2,900++บาท สำรองที่นั่งล่วงหน้าที่137 พิลลาร์ส โฮเต็ลส แอนด์ รีสอร์ทส โทร.+66 (0) 6 3187 6209, www.137pillarsbangkok.com