เลขาฯ ป.ป.ท. เผยพบเค้าลางไอ้โม่งงาบเงินคนไร้ที่พึ่ง ส่งปปง.สอบเส้นทางการเงิน คาดอีก 2 สัปดาห์กระชากหน้ากากชัด
พ.ท.กรทิพย์ ดาโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ(ป.ป.ท.) เปิดเผยความคืบหน้าในการตรวจสอบการทุจริตเงินของศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งล่าสุด ซึ่งปรากฏคลิปผอ.โรงเรียนแห่งหนึ่งในจ.นครพนม ช่วยเจรจาซักซ้อมกับชาวบ้านเพื่อให้ข้อมูลกับป.ป.ท.ว่าได้รับเงินช่วยเหลือครบตรงตามตัวเลขที่ระบุไว้ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้มีการเชิญตัวผอ.โรงเรียนคนดังกล่าวมาสอบปากคำ เนื่องจากบอร์ดป.ป.ท.ยังไม่ได้ตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาไต่สวนความผิด เบื้องต้นถือว่าอยู่ในข่ายที่ต้องถูกดำเนินคดี อย่างไรก็ตาม หากฝ่ายผู้ถูกกล่าวหามีหลักฐานก็สามารถนำมาชี้แจงข้อเท็จจริงกับเจ้าหน้าที่ป.ป.ทได้ โดยพร้อมจะให้ความเป็นธรรม สำหรับการประชุมบอร์ดปป.ท.ในวันนี้ยังไม่ได้มีการเสนอให้ตั้งคณะอนุการไต่สวนเพิ่มเติมในจังหวัดอื่นๆ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ที่ลงพื้นที่อยู่ระหว่างการลงพื้นที่จึงทำให้สรุปรายงานเสนอบอร์ดไม่ทน
"ส่วนการตรวจสอบปัญหาการทุจริตในศูนย์คุ้มครองคนไร้มี่พึ่ง 44 จังหวัด ขณะนี้เริ่มปรากฏตัวบุคคลที่เข้าไปเกี่ยวข้องและอยู่เบื้องหลังการทุจริตเงินดังกล่าวจำนวน 97 ล้านบาท ซึ่งเบื้องต้นจากการตรวจสอบพบว่าเป็นบุคคลที่อยู่นอกศูนย์คนไร้ที่พึ่ง แต่ยังไม่ขอเปิดเผยกระทรวงต้นสังกัด ขณะนี้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) อยู่ระหว่างการตรวจสอบเส้นทางธุรกรรมทางการเงินที่เชื่อมโยงกับศูนย์คนไร้ที่พึ่งบางแห่ง สำหรับบุคคลดังกล่าวยังไม่ระบุได้ชัดว่าเส้นทางการทุจริตเชื่อมโยงกับเงินงบประมาณทั้ง 44 ศูนย์หรือไม่ จากข้อมูลที่พบเชื่อมโยงกับบางศูนย์ฯ คาดว่าไม่เกิน 2 สัปดาห์ข้อมูลจะปรากฏชัดถึงตัวบุคคลที่รับเงินปลายทางดังกล่าว"พ.ท.กรทิพย์ระบุ
พ.ท.กรทิพย์ กล่าวอีกว่า ป.ป.ท.ยังได้ขยายการตรวจสอบงบประมาณช่วยเหลือคนไร้ที่พึ่งที่จ่ายให้กับนิคมสร้างตนเองทั่วประเทศ. เบื้องต้นพบว่า นิคมสร้างตนเองได้รับงบจัดสรรช่วยเหลือคนไร้ที่พึ่งจากกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการนิคม ประมาณ 300 ล้านบาท ขณะที่ศูนย์คุ้มครองทั่วประเทศได้รับการจัดสรรงบประมาณกว่า 100. ล้านบาท. ซึ่งขณะนี้พบแนวโน้มส่อจะมีปัญหาการทุจริต ซึ่งระหว่างวันที่ 15-16 มี.ค.นี้ ป.ป.ท.จะลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงในนิคมฯ จ.ขอนแก่นและอุดรธานี พร้อมทั้งจะหารือกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน(กอ.รมน.)เพื่อหาแนวทางการทำงานและตรวจสอบร่วมกัน
พ.ท.กรทิพย์ . กล่าวด้วยว่า. จากการลงพื้นที่พบกับผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคามเมื่อวันที่ 12 มี.ค.ที่ผ่านมา ตนได้ขอความร่วมมือไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด และเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ดูแลความปลอดภัยให้กับน.ส.ปณิดา ยศปัญญา ด้วย เนื่องจากขณะนี้นักศึกษาคนดังกล่าวได้ย้ายจาก จ.ขอนแก่นไปศึกษาที่มหาวิทยาลัยมหาสารคาม จึงเกรงว่าอาจจะมีมือที่สามอาศัยช่องว่างก่อเหตุทำร้ายน.ส.ปณิดาเพื่อสร้างกระแสได้ ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันปัญหาไม่ให้เกิดผลกระทบต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงต้องเตรียมการไว้ก่อน