Daily Strategy (12 มี.ค.61)

Daily Strategy (12 มี.ค.61)

คาดตลาดฟื้นตัว

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้: นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิตลาดหุ้นไทยต่อเนื่องในสัปดาห์ก่อนมากถึง 3,853 ล้านบาท แต่แรงขายช่วงท้ายสัปดาห์แผ่วลงจากช่วงต้นสัปดาห์ ซึ่งทั้งเดือน มี.ค.YTD ต่างชาติมียอดขายสุทธิหุ้นไทย 7,435 ล้านบาท ในขณะที่ปี 2561 YTD ขายสุทธิรวม 54,517 ล้านบาท คาดการณ์ SET ในสัปดาห์นี้ฟื้นตัว จากปัจจัยต่างประเทศที่สดใส หุ้นเด่นประจำสัปดาห์เลือก PTT PTTGC IVL CPALL CPF โดยหุ้น CPF เราปรับราคาเป้าหมายปี 2561 จาก 25 บาท เป็น 27.50 บาท และเปลี่ยนคำแนะนำจากถือเป็นซื้อ สัปดาห์นี้นักลงทุนควรอดทนกับตลาดหุ้นและกลับเข้าซื้ออีกครั้ง โดยเริ่มเข้าลงทุนหุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี รวมถึงหุ้นในกลุ่มอาหาร-ค้าปลีก ที่เป็นหุ้นขนาดใหญ่ เช่นกลุ่มของ CPF-CPALL เนื่องจากภาวะโดยรวมของธุรกิจยังดีต่อเนื่องใน 1H60 กรอบดัชนีวันนี้ 1,763-1,787 จุด รอโอกาสที่จะรีบาวด์ไปสู่ 1,800 จุดอีกครั้ง หุ้นแนะนำวันนี้ ADVANC, PTT, CPF

 

หุ้นเด่นวันนี้: ADVANC (ปิด 203.00บาท; “ซื้อ” ; AWS TP 219.00 บาท)

  • การเติบโตของรายได้ของบริษัทตอนนี้ขึ้นอยู่กับ 2 ธุรกิจหลักคือ รายได้ด้านการบริการ Data ซึ่งมีอุปสงค์เพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกปีและรายได้จาก Fixed Broadband ซึ่งเรามองว่ายังมีโอกาสแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดได้สูงเนื่องจากธุรกิจของบริษัทยังมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีอยู่ โดยที่บริษัทยังคงต้องการประมูลคลื่นเพื่อรองรับ Capacity ของฐานลูกค้าซึ่งสูงที่สุดในกลุ่ม เราเชื่อว่า ADVANC จะสามารถประมูลคลื่น 1800 MHz มาได้ 1 ใบ ซึ่งจะนำมาใช้ร่วมกับของเดิมที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เราแนะนำ “ซื้อ” โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 219 บาท อ้างอิง DCF โดยใช้ WACC เท่ากับ 9% และ Terminal growth ที่ 2%
  • Price Pattern ของ ADVANC มีความแข็งแกร่งอย่างมากในแนวโน้มหลักที่อยู่ในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) จากการเกิดทั้ง Daily, Weekly, &Monthly Buy Signal เมื่อพิจารณา Price Pattern ของ ADVANC จะมีเป้าหมายถัดไปอยู่ที่ 220 บาท และมีเป้าหมายสำคัญอยู่ที่ 241 บาท ตามลำดับ ทั้งนี้ ADVANC มีจุด Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 197 บาท(Resistance: 206.00, 208.00, 210.00; Support: 202.00, 200.00, 198.00)

ปัจจัยในประเทศ:

  • BGRIM (ปิด 25.25 บาทต่อหุ้น, “ซื้อ”, AWS TP 33 บาทต่อหุ้น)ข้อมูลจากการประชุมนักวิเคราะห์เมื่อวันศุกร์ 9 มี.ค. 2561 เราคงมุมมองเป็นบวกกับบริษัท โครงการโรงไฟฟ้าต่างๆ ของ BGRIM ยังเดินหน้าตามแผน ล่าสุดมีความคืบหน้าเพิ่มเติมจากการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 420 MW ในเวียดนาม คาดลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้าได้ภายในไตรมาส 2/61 นี้ โดยราคาหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าที่ปรับตัวลงแรงในสัปดาห์ที่ผ่านมา เรามองว่าเป็นการปรับพอร์ตของนักลงทุนสถาบัน รวมถึงนักลงทุนต่างชาติด้วยการเปลี่ยนกลุ่มลงทุน (Sector Rotation) เนื่องจาก 1) Valuation ของหุ้นในกลุ่มค่อนข้างตึงตัว ราคาหุ้นในกลุ่มเหลือ Upside ไม่มาก และ 2) หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าเป็นกลุ่มที่มีกระแสเงินสดมั่นคง ให้ปันผลสูงมีลักษณะคล้ายกับตราสารหนี้ ซึ่งในปัจจุบันผลตอบแทนพันธบัตรทั่วโลกกำลังปรับขึ้นตามพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ทำให้ความน่าสนใจลงทุนของกลุ่มโรงไฟฟ้าลดลง คาดอาจมีแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติเพื่อปรับพอร์ตอีกสักระยะ รอจังหวะซื้อคืน ทั้งนี้เรามองว่าราคา BGRIM ที่ปรับลดลงมาที่ระดับ 25 บาท +/- เป็นโอกาสซื้อ เนื่องจากให้ Upside ประมาณ 30.7%
  • กสท โทรคมนาคมประกาศว่าบริษัทมุ่งเน้นการให้บริการแบบดิจิทัลโดยลงทุนเพิ่มในปีนี้ 400 ล้านบาทและคาดว่าจะมีรายได้ในส่วนนี้ประมาณ 1,400 ล้านบาทภายในสิ้นปี 2561 (The Nation) ความเห็น: นี่ถือเป็นการตอบรับอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นจากลูกค้าองค์กรที่กำลังเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมโดยการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ไปใช้เพื่อให้สามารถดำรงการแข่งขันในยุคดิจิตอลได้

 

ตลาดต่างประเทศ:

  • ตลาดหุ้นสหรัฐฯ:ปรับตัวขึ้นแรง DJ ปิดที่ระดับเหนือ 25,000 จุด เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ. ขานรับข้อมูลตัวเลขจ้างงานที่แข็งแกร่งเกินคาด ขณะที่ค่าจ้างเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ระบุว่า เขาจะยกเว้นการเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมจากแคนาดาและเม็กซิโก ซึ่งเป็นสองประเทศคู่ค้าในข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA)

 

สินค้าโภคภัณฑ์:

  • ราคาทองคำ:ตลาดนิวยอร์กปิดบวก หลังได้รับอิทธิพลจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ หลังการเปิดเผยข้อมูลตัวเลขจ้างงานของสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่งเกินคาด ขณะที่ค่าจ้างเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ ราคาทองคำเพิ่มขึ้น 3 ดอลลาร์ หรือ 0.17% ปิดที่ระดับ 1,324ดอลลาร์/ออนซ์
  • ราคาน้ำมันดิบ:ปิดบวก WTI เพิ่มขึ้น 92 ดอลลาร์ หรือ 3.2% ปิดที่ 62.04 ดอลลาร์/บาร์เรล; เบรนท์เพิ่มขึ้น 1.88 ดอลลาร์ หรือ 3.0% ปิดที่ 65.49 ดอลลาร์/บาร์เรลหลังได้รับแรงหนุนจากรายงานที่ว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ และนายคิม จอง อึนแห่งเกาหลีเหนือ ตกลงที่จะจัดการประชุมร่วมกันเป็นครั้งแรกเพื่อหาทางออกเกี่ยวกับปัญหานิวเคลียร์ ประกอบกับรายงานของเบเกอร์ ฮิวจ์ ที่ระบุว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐมีจำนวนลดลงครั้งแรกในรอบ 7 สัปดาห์