ปัจจัยบวกท่วมหุ้นไทย 'ทะยาน17จุด'

ปัจจัยบวกท่วมหุ้นไทย 'ทะยาน17จุด'

หุ้นไทยเช้านี้บวก 17 จุด โบรกคาด "ต่างชาติ" หอบเงินเข้าซื้อสุทธิหุ้นไทยเดือนมี.ค.-เม.ย. ขณะที่กฎหมายเลือกตั้งคืบหน้าหนุน

ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย (SET) เช้าวันนี้ (12 มี.ค.) ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 17 จุดในช่วงเปิดตลาด ณ เวลา 10.15 น. ระดับดัชนีอยู่ที่ 1,792.02 จุด เพิ่มขึ้น 16.65 จุด หรือ 0.94% จากวันก่นอหน้า โดยหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นส่วนมาก อาทิ PTT EA IRPC BANPU และ GULF

นายวิวัฒน์ เตชะพูลผล รองกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ทางเทคนิค บล.ทิสโก้ (Mr.Viwat Techapoonphol, Deputy Managing Director, Head of Technical Analysis, TISCO Securities Co., Ltd) ได้กล่าวถึงรวมตลาดหุ้นไทยในงานสัมมนา TISCO Updates ว่า จากสถิติย้อนหลัง 7 ปีพบว่ากว่า 70% ในช่วงเดือนมี.ค.- เม.ย. ของทุกปีเป็นช่วงที่หุ้นไทยจะปรับตัวขึ้น โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการที่นักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อหุ้นปันผลดีก่อนที่บริษัทจดทะเบียนจะประกาศจ่ายปันผล โดยหากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นหลังตรุษจีนและถือต่ออีก 1 เดือนหรือขายออกในสิ้นเดือน มี.ค. จะได้ผลตอบแทนเฉลี่ย 2.8% หากถือไว้ 2 เดือนหรือขายออกช่วงสิ้นเดือนเม.ย.จะได้รับผลตอบแทนเฉลี่ย 4.8%

นอกจากนี้ ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาพบว่าในช่วงเดือนมี.ค.- เม.ย.ของทุกปี นักลงทุนต่างประเทศจะเข้ามาซื้อหุ้นไทยสุทธิ 2-5 หมื่นล้านบาท สำหรับในปีนี้คาดว่านักลงทุนต่างประเทศจะเข้ามาซื้อหุ้นไทยสุทธิในช่วงเดือนมี.ค.- เม.ย. ประมาณ 5 หมื่นล้านบาท สาเหตุที่เข้ามาลงทุนมาก เนื่องจากตั้งแต่เดือน ต.ค. 2560 จนถึงเดือน ก.พ. 2561 นักลงทุนต่างประเทศเทขายหุ้นไทยไปประมาณ 8 หมื่นล้านบาท และในช่วง 5 ปีที่ผ่านมานักลงทุนต่างประเทศขายหุ้นไทยไปแล้ว 3.7 แสนล้านบาท แต่กลับเข้าลงทุนทุกประเทศในเอเชียแทน จึงมีความเป็นไปได้สูงที่จะเริ่มกลับเข้ามาซื้อหุ้นไทยเก็บไว้เพื่อรับเงินปันผลจากบริษัทจดทะเบียน

บล.เคจีไอ เปิดเผยว่า SET รีบาวน์ หลังปัจจัยภายนอกพัฒนาไปในทางที่ดี มองว่ามีโอกาสสูงที่ SET ปรับฐานของเดือนนี้จบแล้วเมื่อวันศุกร์ และครึ่งหลังของเดือนน่าจะฟื้นตัว ดัชนีฯ ได้ลงมาแถวระดับที่คำนวณความเสี่ยงทางลง (downside risks) ไว้คือ 1,760-1,770

สำหรับปัจจัยภายนอก หุ้นสหรัฐฯ แรลลี่เมื่อวันศุกร์ หลังตัวเลขจ้างงาน ก.พ. +3.13 แสนคน ดีกว่าที่ consensus คาดที่ 2.10 แสนคน แต่ค่าจ้างแรงงานชะลอตัว (เป็นข่าวดีต่อหุ้นโลก เพราะลดความกังวลต่อเงินเฟ้อสหรัฐฯ) โดยค่าจ้าง ก.พ. +2.6% YoY เทียบกับ 2.9% YoY ใน ม.ค. และ consensus คาด +2.8% YoY

ดัชนีเงินดอลลาร์ฯ และบอนด์ยิลด์ทรงตัวหลังตัวเลขดังกล่าวออกมาและน่าจะหนุนฟันด์โฟลว์/ตลาดหุ้นเอเชียวันนี้ ขณะที่ตัวเลขเงินเฟ้อ core CPI สหรัฐฯ ที่จะออกมาวันพรุ่งนี้ไม่น่าจะมีผลต่อหุ้นโลกมากนัก เพราะไม่ได้เป็นตัวเลขที่เฟดให้น้ำหนักในการพิจารณานโยบายการเงิน

ปัจจัยภายใน ความมั่นใจต่อเศรษฐกิจและการบริโภคในประเทศยังดี หลัง สนช. ผ่านกฎหมายเลือกตั้งที่มา ส.ส. และ ส.ว. แล้วเมื่อวันที่ 8 มี.ค. อย่างไรก็ดีในสัปดาห์นี้ ให้ติดตามว่าสมาชิก สนช. จะเข้าชื่อขอให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญ ตีความกฎหมายบางประเด็นหรือไม่ แต่คาดว่าจะไม่กระทบต่อช่วงเวลาการเลือกตั้ง ซึ่งน่าจะเกิดขึ้นภายในเดือน ก.พ. 2562

"ในช่วงเดือนมี.ค.-เม.ย.ตลาดหุ้นไทยเข้าสู่เทศกาลซื้อหุ้นรับเงินปันผลหรือ 'Dividend Rally' ซึ่งในช่วง 2 เดือนนี้ มองแนวรับดัชนีหุ้นไทยที่ 1,790 จุด แนวต้านที่ 1,850 - 1,880 จุด และคงเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยปลายปีที่ 1,950 จุด ด้วยระดับ Forward P/E ที่ 17.2 เท่า และอัตราการเติบโตของกำไรต่อหุ้นที่ 12% โดยปัจจัยหนุนให้หุ้นไทยไปถึงระดับดังกล่าวคือ การเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในเดือนก.พ. 2562 รวมถึงนักลงทุนต่างประเทศเพิ่มน้ำหนักการลงทุน และราคาน้ำมันทรงตัวในระดับสูง" นายวิวัฒน์กล่าว