MORNING CALL ACTION NOTES (5 มี.ค.61)
เล่นในกรอบ
ภาวะตลาดหุ้นไทยวานนี้อ่อนตัวต่อเนื่อง หลังราคาน้ำมันยังอ่อนตัวต่อเนื่อง ในขณะทีดอกเบี้ยพันธบัตรสหรัฐฯ กลับมาฟื้นตัวอีกครั้งภายใต้ แนวโน้ม ศก.สหรัฐฯที่เริ่มฟื้นตัวแกร่ง โดยรวม ENERG BANK กดดันหลัก ชดเชยเพียงเล็กน้อยโดย HELTH ส่งผลให้ SET Index ปิดที่ 1,811.98 จุด (-18.15 จุด) Volume 7.32 หมื่นลบ.โดย Foreign Net -3,282.58 ลบ. TFEX Net -20,235 สัญญา ตราสารหนี้ -3,291.06 ลบ.
แนวโน้มตลาดหุ้นไทย
+ น้ำมันดิบปิดบวก แม้ว่าแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐมีจำนวน 800 แท่นซึ่งสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปี
+ พาณิชย์ เผย CPI เดือน ก.พ. ขยายตัว 0.42%, CORE CPI โต 0.63%
+ สรท.คาดส่งออกเดือน ก.พ.61 โตราว 7-8% ขณะที่คาดทั้งปีโต 5.5%
- สนง.สถิติเยอรมนีเผยยอดค้าปลีกเดือนม.ค.หดตัวลง 0.7% สวนทางคาดการณ์
- ดาวโจนส์ปรับตัวลดจากการที่นักลงทุนยังคงมีความวิตกเกี่ยวกับการทำสงครามการค้า หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศว่า สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมในสัปดาห์หน้า
- ปธน.ทรัมป์ขู่ขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์จากยุโรป หาก EU ตอบโต้การขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมด้วยการเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐ
+/- Fund Flow ต่างชาติขายติดต่อกันเป็นวันที่ 2 รวม 7.1 พันล้านบาท (YTD ขาย 5.66 หมื่นล้านบาท) ขณะที่เงินบาทแข็งค่าสู่ 31.39 บาท/USD
**8 มี.ค. จับตาการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB)
**9 มี.ค. จับตาการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ)
ภาวะตลาดหุ้นไทยวันนี้จะถูกกดดันจากตลาดหุ้นต่างประเทศและตลาดหุ้นภูมิภาคที่ปรับลงจากความกังวลว่า อาจเกิดสงครามการค้าหากสหรัฐเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียม และ Fund Flow ยังผันผวน อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้นหนุน sentiment เชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มพลังงานโดยเฉพาะ PTT ที่มีกำหนด XD ในวันพรุ่งนี้ (6 มี.ค.) ดังนั้นคาด SET จะผันผวนในกรอบ 1,800-1,819 จุด
กลยุทธ์การลงทุน เก็งกำไรกลุ่มที่มีปัจจัยสนับสนุน
- UVAN น้ำมันปาล์มปรับตัวขึ้น 4%YTD สู่ 2,562 ริงกิต/ตัน
- TVO ราคากากถั่วเหลือง +25%QTD ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทแข็ง
- หุ้นปันผลเด่น ASEFA BAFS CPT CRD FTE GLOW KKP NYT PSH PTTGC SCB SF SIS SMPC SPRC TK TOP WHAUP TISCO QH
- หุ้น Turnaround ใน 4Q60 PSL AFC PJW U GRAND INOX PTTEP ASN SAMCO IRCP DTC BLA TRITN CGD TVD TM VARO TRT CI THAI UREKA MATI OHTL
หุ้นแนะนำพิเศษ
AMATA Analyst Meeting (ราคาปิด 24.60 Bloomberg Consensus 29)
- ปี 60 มีกำไรสุทธิ 1,409 ลบ.+28%YoY โดยมีรายได้ 4,652 ลบ. -2% แบ่งเป็นรายได้จากการขายที่ดิน 2,084 ลบ. -2% (ยอดขายที่ดิน 455 ไร่ BL 1,910 ลบ.) รายได้ค่าสาธารณูปโภค 1,789 ลบ. +5% รายได้จากการให้เช่า 618 ลบ. +16% ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุน 676 ลบ. +108% เพิ่มขึ้นมากจากเงินลงทุนในธุรกิจผลิตและขายกระแสไฟฟ้าและไอน้ำที่มีสัดส่วนถึง 80% สัดส่วนของรายได้จากการขาย 46% รายได้ประจำ 54% บริษัทประกาศจ่ายเงินปันผลหุ้นละ 0.33 บาท XD 9 พ.ค. วันจ่าย 23 พ.ค.
- ได้ประโยชน์จากพรบ.อีอีซีที่รอประกาศบังคับใช้หลังที่ประชุมสนช.มีมติผ่านร่างฯ เนื่องจากนิคมฯอยู่ในชลบุรีและระยองมีที่ดินพร้อมขายรวมที่ดินรอพัฒนา 10,537 ไร่ ส่วนนิคมฯเบียนหัวที่เวียดนามที่คาดจะโอนหมดราวปี 62 ซึ่งจะมีที่ดินที่นิคมฯลองถั่นพื้นที่ประมาณ 8 พันไร่มาทดแทนซึ่งคาดจะเห็น presale ตั้งแต่ปลายปี 62 โดยมีนิคมฯฮาลองเฟสแรกพื้นที่ประมาณ 4,500 ไร่เป็นอัพไซต์ในอนาคต
- ฝ่ายวิจัยมีมุมมองเชิงบวกหลังพรบ.อีอีซีมีความชัดเจนมากขึ้นและแผนพัฒนาเมืองอัจฉริยะ “Amata Smart City” รองรับนักลงทุนในอนาคต ทั้งนี้ Bloomberg Consensus คาดกำไรปี 61 ราว 1.8 พันลบ. +26% ราคาหุ้นซื้อขายที่ PER 18.6 เท่าใกล้เคียง PER กลุ่มที่ 17 เท่า โดยปรับลง 5%YTD เป็นโอกาสทยอยซื้อสะสม
ส่องหุ้น
- BJC แนวรับ 50-59.00 บาท แนวต้าน 63.50, 66.00 บาท
- ระดับราคามีการปรับตัวขึ้นมาได้ติดต่อกันเป็นวันที่สอง และสัญญาณ MACD เริ่มกลับตัวขึ้นมาใกล้จะตัดเส้นศูนย์ ประกอบกับเส้นค่าเฉลี่ย 10 วันตัดเส้น 25 วัน ทำให้เกิดสัญญาณ Golden Cross โดยมีวอลุ่มซื้อขายมากพอสมควร หากวันนี้ระดับราคาสามารถทะลุแนวต้านที่ 25 บาทหรือย่อตัวลงมาไม่ต่ำกว่า 59.00 บาท มองว่าราคามีสิทธิขึ้นไปต่อแถวๆ 63.50 บาทและ 66.00 บาทตามลำดับ
- SGP แนวรับ 25 บาท แนวต้าน 33.00 บาท
- ระดับราคาวานนี้มีการแกว่งตัวขึ้นระหว่างวันก่อนจะกลับมาปิดเสมอตัว โดยยังสามารถยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ยทุกเส้นได้อย่างแข็งแกร่ง สัญญาณ MACD ชี้ขึ้น กราฟแท่งเทียนมีลักษณะเป็นรูปแบบ V-Shape และมีวอลุ่มเข้ามาอย่างหนาแน่น จึงมองว่าวันนี้หากราคาไม่ลงมาปิดต่ำกว่า 25 บาท จะสามารถมีสิทธิปรับตัวขึ้นไปถึงแนวต้านได้ที่ 33.00 บาท
- TVO แนวรับ 75-32.00 บาท แนวต้าน 34.00-34.50 บาท
- หลังจากที่ราคามีการปรับตัวลงต่อเนื่องติดกันหลายวัน ระดับราคาวานนี้เริ่มดีดกลับขึ้นมาปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5 10 และ 25 วันได้อย่างแข็งแกร่ง สัญญาณ MACD เริ่มที่จะส่งสัญญาณบวกและตัวกราฟทำลักษณะ W-Shape ประกอบกับวอลุมที่เข้ามาอย่างหนาแน่น หากราคาวันนี้ไม่ปิดลงมาต่ำกว่า 75 บาท มองว่าราคาจะมีสิทธิปรับตัวขึ้นไปจบรูปแบบ W-shape ได้ที่ 34.00-34.50 บาทได้
หุ้นมีข่าว
LH Analyst Meeting (ราคาปิด 10.80 Bloomberg Consensus 12.83)
Ø ปี 60 มีกำไรสุทธิ 10,463 ลบ.+21% หากไม่นับรวมรายการพิเศษที่เป็นกำไรจากการขายสินทรัพย์ 998 ลบ. กำไรทางบัญชีจากการลดสัดส่วนถือหุ้น LHFG เหลือ 22% จากเดิม 34% จำนวน 1,135 ลบ. และการตั้งสำรองค่าเสียหายทางกฏหมาย 589 ลบ. จะมีกำไรปกติ 8,919 ลบ. +10% โดยมีรายได้จากการโอน 3.1 หมื่นลบ. +16% อัตรากำไรขั้นต้นปรับดีขึ้นสู่ 35.5% จาก 34.9% ในปี 59 ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุน +6% ประกาศจ่ายเงินปันผลงวดครึ่งปีหลัง 0.35 บาท XD 8 พ.ค. วันจ่าย 22 พ.ค.
Ø ปี 61 มีแผนเปิด 18 โครงการใหม่มูลค่ารวม 3.63 หมื่นลบ. เป้า presale 3.1 หมื่นลบ. +18% ส่วนเป้ารายได้ 3.3 หมื่นลบ. +4% Backlog 1.16 หมื่นลบ.ซึ่งจะโอนภายในปีนี้เกือบ 9.5 พันลบ. Bloomberg Consensus คาดกำไรปี 61 ราว 9.3 พันล้านบาท +4% จากกำไรปกติปี 60 คาดว่าจะมีอัพไซต์จากแผนขายอพาร์ทเม้นท์ในสหรัฐ
Ø ฝ่ายวิจัยมีมุมมองเชิงบวกในการลงทุนระยะยาวเนื่องจากมี yield เฉลี่ยราวปีละ 6% ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายที่ PER 12 เท่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ 17 เท่า แนะนำลงทุนระยะยาวรับเงินปันผล
Ø TRUE (ราคาปิด 6.40 บาท Bloomberg Consensus 6.95 บาท)ผู้บริหารเผย การพลิกเป็นกำไรสุทธิในปี 60 กว่า 2.3 พันล้านบาท จากปี 59 ที่มีขาดทุนสุทธิกว่า 2.8 พันล้านบาท หลักๆมาจาก การมีผู้ใช้บริการที่เพิ่มขึ้น มาอยู่ที่ 27.2 ล้านราย ความต่อเนื่องในการลดต้นทุนผลักดัน EBITDA Margin เพิ่มขึ้นจาก 29% ในปี 59 มาอยู่ที่ 35.2% ตลอดจนกำไรพิเศษจากการจำหน้ายสินทรัพย์ให้แก่ DIF กว่า 6.5 พันล้านบาท ส่วนปี 61 ตั้งเป้าเติบโต Double Digits ช่วงต้น และคาดมีกำไรปกติได้เป็นปีแรก (ที่มา : หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น)
Ø ความเห็น หากไม่รวมรายการพิเศษ TRUE ยังคงมีขาดทุนปกติกว่า 4.2 พันล้านบาท เทียบกับปี 59 ที่กว่า 2.8 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ด้วยความพยายามในการลดต้นทุนอย่างต่อเนื่องตลอดจนสภาวะในการแข่งขันที่เริ่มผ่อนคลายลง รวมถึง TRUE ยังจะได้รับกำไรพิเศษเพิ่มเติมจากการจำหน่ายทรัพย์สินเข้า DIF งวดที่ 2 ที่มีมูลค่ามากกว่างวดแรกกว่า 3 เท่าตัว โดยรวมคาด TRUE น่าจะมีขาดทุนปกติลดลงในปี 61 และกำไรสุทธิเติบโตต่อเนื่อง
Ø (+) GULF เผยโรงไฟฟ้า"กัลฟ์ เอ็นซี"เริ่ม COD เข้าสู่ระบบของ กฟผ.แล้ว 90 MW ตั้งแต่ 1 มี.ค.61
Ø (+) SSP เผยโซลาร์ฟาร์มที่ฮอกไกโด เริ่ม COD ตามสัญญาขายไฟ 17 MW ตั้งแต่ 1 มี.ค. ส่งผลให้มีกำลังการผลิตเพิ่มเป็น 57 MW
Ø (-) GL ปี 60 ขาดทุนกว่า 1.8 พันล้านบาท ด้านผู้สอบบัญชีแสดงความเห็นแบบมีเงื่อนไขทั้งเรื่องที่ถูกกล่าวโทษจากสำนักงานก.ล.ต.และยังไม่ได้แก้ไขงบการเงินให้ถูกต้อง รวมถึงมีโอกาสตั้งด้อยค่าเพิ่มสำหรับเงินลงทุนใน CCF ที่ศรีลังกา (ที่มา ข่าวหุ้น)