รวบตัวแล้ว 'ครูปรีชา' ยังมั่นใจลอตเตอรี่เป็นของตน แม้โดนหมายจับ

รวบตัวแล้ว 'ครูปรีชา' ยังมั่นใจลอตเตอรี่เป็นของตน แม้โดนหมายจับ

กองปราบรวบตัวแล้ว "ครูปรีชา" ยังมั่นใจลอตเตอรี่เป็นของตน แม้โดนหมายจับไม่หลบหนี ย้ำพยานที่เป็นเอกสาร พยานที่เป็นวัตถุ และพยานที่เป็นบุคคล

เมื่อเวลา 11.53 น. วันที่ 28 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายปรีชา ใคร่ครวญ หรือ ครูปรีชา ทำการสอนหนังสือเสร็จสิ้น และเดินเข้าห้องพักครู โดยมีสื่อมวลชนทุกสำนักเข้าไปยื่นไมค์สอบถาม เพื่อให้ นายปรีชา ชี้แจงเกี่ยวกับกรณีถูกออกหมายจับแล้ว แต่นายปรีชาปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ บอกเพียงว่า “ขออนุญาตครับ พักเที่ยงต้องไปกินข้าว ขอไปกินข้าวก่อน ตอนนี้ยังพูดไม่ได้ครับเป็นเวลาราชการ ที่นี่เป็นสถานที่ราชการนะครับ”

ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวยังพยายามถามว่ากังวลหรือไม่ที่ถูกออกหมายจับแล้ว ซึ่งนายปรีชาก็บอกว่า ไม่กังวล แต่สีหน้าไม่สดชื่นเหมือนช่วงเช้าก่อนมาสอนหนังสือ พร้อมบอกว่าต้องรอปรึกษากับทางทนายความก่อน พร้อมกับพูดคุยทางโทรศัพท์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยไม่ได้บอกว่าตำรวจสังกัดไหน

นายปรีชา ยังกล่าวอีกว่า ตอนนี้ทุกอย่างยังปกติ หมายยังไม่ออก เมื่อสักครู่คุยโทรศัพท์กับตำรวจก็ยังบอกว่ายังไม่มีหมายจับ ไหนหมายจับอยู่ไหนเอามาให้ดูหน่อย

ต่อมาเวลา 12.00 น. วันที่ 28 กุมภาพันธ์ นายปรีชา ได้ขึ้นรถยนต์มิชซูบิชิ ปาเจโร่ โดยอ้างว่าจะไปทานข้าว แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบที่วางกำลังประกบอยู่ที่โรงเรียนขวางหน้ารถไว้ และไม่อนุญาตให้นายปรีชาออกนอกพื้นที่โรงเรียน ก่อนควบคุมตัวนายปรีชามาอยู่ที่รถตำรวจกองปราบปราม โดยนายปรีชามีสีหน้าเคร่งเครียด และไม่ยอมตอบคำถามสื่อมวลชนแต่อย่างใด

ทั้งนี้ เมื่อเวลา 07.00 น. วันนี้ 28 ก.พ.61 กองทัพสื่อมวลชนทุกแขนง ได้เดินทางไปปักหลักรายงานข่าวที่บริเวณหน้าบ้านพักเลขที่ 143/22 ซ.ทุ่งนา 5 หมู่ 3 ต.ปากแพรก อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ของนายปรีชา ใคร่ครวญ อายุ 50 ปี ครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนเทพมงคลรังษี อย่างคึกคัก แต่นักข่าวทุกสำนักต้องรอเนื่องจากครูปรีชา ต้องอาบน้ำแต่งตัวกินข้าวเช้าก่อนไปสอนหนังสือที่โรงเรียน จนกระทั่งเวลาประมาณ 07.30 น. นายปรีชาได้แต่งกายสวมชุดสูตรสีดำ และเดินออมาทักทายสื่อมวลชนที่มารอทำข่าวเหมือนทุกวันที่ผ่านมา จากสีหน้าของนายปรีชาพบว่าไม่แสดงอาการเคร่งเครียดให้สื่อมวลชนเห็นแต่อย่างใด และนอกจากนี้ยังยิ้มแย้มให้กับสื่อมวลชนเหมือนทุกวันที่ผ่านมาเช่นกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่า บ่ายนี้จะมีการแถลงข่าวแล้ว รู้สึกระทึกใจหรือไม่ ครูปรีชาตอบว่า ก็เข้าใจการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจดี เราในฐานะเป็นพลเมืองดีก็พร้อมที่จะให้ความร่วมมือ แต่เหตุการณ์ได้นำเรียนมาแล้วนะครับว่า การแถลงการณ์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งเมื่อวันที่ 31 ม.ค.ที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจภาค 7 ก็ได้สรุปสำนวนแล้ว ซึ่งทุกท่านก็ได้ทราบดีว่าลอตเตอรี่นั้นเป็นของครูถูกไหมครับ ดังนั้นในวันนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง จะทำการแถลงข่าวอีกครั้งหนึ่ง เพื่อยืนยันอีกหนึ่งรอบ ดังนั้นวันนี้ขอให้สื่อมวลชนทุกท่านให้ติดตามอย่างใกล้ชิด และในช่วงบ่ายนี้เขายังไม่แถลงนะครับ ขอความร่วมมือนิดหนึ่งว่าตอนนี้อย่าเพิ่งลงข้อมูล ขอให้รอข้อมูลจริงๆ จากเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อน ซึ่งผมว่ามันน่าจะเป็นวิธีการที่ดีที่สุด ตอนนี้เรายังไม่ต้องไปฟันธงว่าเป็นของใคร แต่ถึงแม้ว่าตำรวจจะแถลงแล้ว นั่นคือน้ำหนักที่ทางตำรวจได้รวบรวมพยานและหลักฐานในเวลานี้ ว่าพยานหลักฐานที่มีน้ำหนักของลอตเตอรี่นั้นเป็นของใคร จริงๆ แล้วเรื่องนี้เขาพิสูจน์ว่าทรัพย์นั้นเป็นของใครก็เท่านั้นเอง ว่าทรัพย์เป็นของหมวดจรูญ หรือว่าทรัพย์เป็นของกระผมเอง ซึ่งผมก็ต้องเตรียมพยานหลักฐาน และพยานหลักฐานก็จะมีขึ้นเรื่อยๆ แต่ตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ระบุเรื่องพยานหลักฐานแค่ในปัจจุบัน ดังนั้น เราสามารถที่จะนำพยานหลักฐานมาเพิ่มเติมได้อีก ดังนั้นช่วงนี้เป็นแค่การชี้ในช่วงขั้นพื้นฐานขั้นต้นของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อรวบรมสำนวนส่งให้อัยการเพื่อส่งฟ้องต่อศาลเท่านั้นเอง

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากผลแถลงวันนี้ทางตำรวจชี้มูลว่าลอตเตอรี่เป็นของหมวดจรูญ ตรงนี้จะทำยังไง ครูปรีชาตอบว่า ก็ต้องปรึกษาทนายแล้วก็ดำเนินการฟ้องต่อ เพราะตอนนี้เราได้ฟ้องคดีแพ่งเขาไว้แล้ว การที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำสำนวนในครั้งนี้ เป็นเรื่องของคดีอาญา ถามว่าครูกังวลใจไหม เพราะเป็นวันสุดท้ายแล้วที่จะมีการออกหมายจับ ครูปรีชาตอบว่า ไม่ได้กังวลใจเพราะว่าวันนี้จริงๆแล้วไม่น่าจะเป็นการออกหมายจับ น่าจะเป็นหมายเรียกมากกว่า แต่ถ้าหากเป็นหมายจับ ครูก็ไม่ได้หลบหนีไปไหน ถ้าครูไม่หลบหนี ดังนั้นก็คงต้องใช้หมายเรียก ซึ่งวันนี้ครูก็ไปทำงานตามปกติ ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็คงจะใช้หมายเรียกมากกว่า ถ้าเกิดมีความผิดจริงนะ แต่คงต้องรอช่วงเวลาบ่ายโมงก่อน

ถามว่าพยานที่ระบุว่าเป็นคนอำเภอบ่อพลอย ตรงนี้ครูปรีชาพอที่จะเอามาเปิดตัวได้หรือไม่ ครูปรีชาตอบว่า การที่พยานของเราจะมีมาเรื่อยๆ นั้นหมายถึงว่า มีคนที่เขารู้จักกับทางโน้น และก็รู้จักทางผม ได้เห็นข้อมูลความเป็นจริงและทุกคนก็รู้ว่าบางส่วนที่เขาพอจะช่วยเราได้ เขาก็จะมาช่วยในข้อมูลที่เป็นไปตามความเป็นจริง สำหรับพยานของครูมีทั้งพยานที่เป็นเอกสาร พยานที่เป็นวัตถุ และพยานที่เป็นบุคคล คิดว่าชัดเจนที่จะฟ้องต่อไปครับ

ถามว่าตอนนี้ประชาชนชาวจังหวัดกาญจนบุรีเกาะติดและให้ความสนใจกับคดีนี้เป็นจำนวนมาก ครูจะมั่นใจอย่างไร ครูปรีชาตอบว่า คือไม่ใช่แค่ชาวจังหวัดกาญจนบุรีนะ แต่เป็นทั้งประเทศและทั่วโลก พอเปิดโทรศัพท์ปั๊บ ยังไม่ได้เปิดอะไรเลย เรื่องคดีหวยก็จะมาแล้ว ทำไมเขาถึงสนใจรู้ไหม ก็เพราะสื่อที่ทำให้เขาสนใจ ถ้าไม่มีสื่อก็คงจะไม่มีใครสนใจเลยครับ ดังนั้นตามที่ผมได้นำเรียนไปแล้วว่า อยากให้สื่อเห็นข้อเท็จจริงก่อนจึงลงข่าว ซึ่งเมื่อเช้านี้หนังสือพิมพ์ก็ลงไปแล้วว่าครูปรีชาถูกจับ ซึ่งลงข่าวทุกวัน

ถามว่า มีเสียงของชาวเมืองกาญจนบุรีบอกว่า เรื่องนี้คนที่โกหก ไม่สมควรที่จะอยู่เมืองกาญจน์ ครูปรีชาตอบว่า เรื่องนี้ยังไปพิพากษาใครไม่ได้ เราต้องเข้าใจนิดหนึ่งว่า เรื่องความเชื่อกับความจริง ตอนนี้สังคมเขามองถึงความเชื่อ เชื่อไปตามกระแส และเดี๋ยวนี้โลกโซเชียลก็ไวมาก และก็ยังมีเพจที่เกิดขึ้นมาและชักชวนให้ประชาชนหลงเชื่อไปในทางที่ผิด บางคนต้องมาเสียเงินไปหลายแสนหลายล้านบาทกับโลกโซเชียล สำหรับเฟสบุ๊กส่วนตัวของผมเองก็ถูกคนแฮกเข้ามาเยอะเลย ดังนั้นในช่วงนี้ คดีนี้ต้องใช้เวลาอีกนานครับ อย่าเพิ่งไปตัดสินใครในตอนนี้ ศาลยุติธรรมเท่านั้นจะเป็นผู้ตัดสินว่าใครผิดหรือใครถูก แต่ขณะนี้ตำรวจแค่กำลังสรุปสำนวนเพื่อชี้ว่าลอตเตอรี่เป็นของฝั่งใดเท่านั้น ซึ่งครูเองก็เชื่อในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งเมื่อวันที่ 31 ม.ค. ภาค 7 ก็เคยบอกแล้วว่า ลอตเตอรี่นั้นเป็นของครู ดังนั้นครูเชื่อว่ากฎหมายนั้นเป็นกฎหมายฉบับเดียวกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่า แต่ในวันนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจภาค 7 ไม่ได้นำหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ไปประกอบอย่างเช่น ลายนิ้วมือ หรือเสียงจากคลิป ครูตอบว่า ตอนนี้ขอให้สื่อรายงานตามความเป็นจริงก่อนนะครับ ณ เวลานี้ตำรวจยังไม่ได้แถลง ดังนั้นเราอย่าเพิ่งไปฟันธงว่าใครผิดใครถูก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าขณะเดียวกันเมื่อเวลา 14.30 น. ของวันที่ 27 ก.พ.61 ที่ผ่านมา พล.ต.ต.กฤษณะ ศริปิยะวัฒน์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 (รอง ผบช.ภ.7) ได้เดินทางมารับตำแหน่งรักษาการผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี (ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี) โดยมี พ.ต.อ.วัชรินทร์ วัฒนไพรสาณฑ์ พ.ต.อ.ชวลิต สุขสุวรรณ์ พ.ต.อ.สุรพจน์ พิสุทธิวงษ์ พ.ต.อ.วัลลภ สามารถ พ.ต.อ.นิคม เครือนพรัตน์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี (รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี) พร้อมคณะนายตำรวจในสังกัด กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี ทั้ง 21 สภ.ให้การต้อนรับและได้มีการประชุมพร้อมการแนะนำตัวที่ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการชั้น 2 กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี

โดย พล.ต.ต.กฤษณะ ศริปิยะวัฒน์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 (รอง ผบช.ภ.7) รักษาการ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี (ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี) เปิดเผยถึงการเดินทางมารักษาการฯว่า เนื่องจาก พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี (ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี) มีคำสั่งให้ไปประจำที่ (ศปก.ตร.)สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดังนั้น พล.ต.ท.กิติพงษ์ เงามุข ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ในการบริหารราชการ ซึ่งผมเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ก็ต้องมาบริหารงาน บริหารราชการกับตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี ตามนโยบายของรัฐบาลตามนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และตามนโยบายของตำรวจภูธรภาค 7 ซึ่งงานในหน้าที่ตำรวจของเรามีเยอะแยะมากมาย ทั้งด้านการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน รวมทั้งงานด้านการจราจร การดูแลประชาชนในพื้นที่ ทั้ง 21 สถานีตำรวจ"พล.ต.ต.กฤษณะ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในส่วนของคดีที่เกิดขึ้นในพื้นที่และเป็นที่ให้ความสนใจของประชาชนอยู่ในขณะนี้ กำชับกับเจ้าหน้าที่อย่างไรบ้างโดยเฉพาะคดีเรื่องหวย 30 ล้านบาทพล.ต.ต.กฤษณะ ตอบว่า คดีเรื่องหวย 30 ล้านบาท ผมก็สนใจเช่นกัน และได้ติดตามข่าวมาเช่นกัน เพราะว่าตั้งแต่เบื้องต้นเลย สำหรับคดีนี้ผมไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องตั้งแต่ต้น และขณะนี้ปัจจุบันนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มีคำสั่งให้โอนคดีดังกล่าวไปที่กองปราบปรามเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นในการสืบสวนสอบสวน ในการทำคดีหรือการสรุปสำนวนในเรื่องนี้เป็นอำนาจของกองปราบปรามซึ่งเป็นไปตามคำสั่งของ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งวันนี้เราจะไม่มาพูดคุยกันในเรื่องนี้ อย่างที่ผมเรียนให้ทราบว่า การมารักษาการก็คือมาบริหารงานทั่วไปเพื่อประชาชนเป็นหลัก

ถามว่า ภาพลักษณ์ของเราอาจจะถูกประชาชนมองไปอีกแบบหนึ่ง โดยเฉพาะภาพลักษณ์ของจังหวัดกาญจนบุรี พล.ต.ต.กฤษณะ ตอบว่า อย่าไปพูดว่าภาพลักษณ์ของจังหวัดกาญจนบุรี คือเราต้องยอมรับในสายตาและก็ในอดีตที่ผ่านมา ตำรวจเรามักจะถูกมองไปในทางลบมากกว่าทางบวก

ทั้งๆที่เราพยายามที่จะทุ่มเททั้งชีวิตและร่างกายหยาดเหงื่อแรงงานมาโดยตลอด แต่บางท่านอาจจะเข้าใจ บางท่านอาจจะไม่เข้าใจ ในส่วนกำลังของตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรีมีอยู่กว่าหนึ่งพันนาย ดังนั้นเมื่อมีคดีหวย 30 ล้านบา ไม่ใช่ว่าตำรวจจังหวัดกาญจนบุรีจะต้องมาเสียหายทั้งหมดซึ่งเราอย่าไปเหมารวมในลักษณะอย่างนั้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ของเรายังมีหน้าที่อื่นๆอีกเยอะแยะที่จะต้องทำ ดังนั้นผมจึงมาทำหน้าที่ตรงนี้แทน

ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่มีการรื้อค้นโต๊ะของพนักงานสอบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรี และนำเอาซองพลาสติกที่ใส่ลอตเตอรี่ไป ตรงนี้จะมีมาตรการณ์ ป้องกันหรือแก้ไขปัญหาอะไรหรือไม่ พล.ต.ต.กฤษณะ ตอบว่า สำหรับมาตรการณ์ป้องกันถ้าหากมีคดีลักทรัพย์เกิดขึ้น ถ้าเป็นบ้านเรือนของประชาชน เจ้าหน้าที่ก็จะส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจรวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจสายสืบไปตรวจสอบ ส่วนกรณีเกิดในที่ทำงานซึ่งเป็นสถานที่ราชการ ถ้ามีการกล่าวอ้างเจ้าหน้าที่ก็ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริง ว่ามีความเป็นมาอย่างไร คือทุกอย่างเราจะฟังความข้างเดียวไม่ได้ จะต้องตรวจสอบให้ทราบว่าข้อเท็จจริงมันเป็นอย่างไร และเรื่องคดีดังกล่าวหากทางกองปราบแจ้งมา ทางตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรีก้พร้อมที่จะให้ความร่วมมือ ในขณะนี้อย่างที่ผมเรียนให้ทราบว่า เราไม่มีอำนาจในการสอบสวนสอบสวน เพราะได้โอนคดีไปให้กองปราบแล้ว แต่ถ้าทางกองปราบแจ้งเรามาให้ช่วยดำเนินการอะไรต่างๆเราก็พร้อมและยินดีที่จะปฏิบัติตาม

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ในแง่การทำงานของเจ้าหน้าที่หลังจากนี้อาจจะเป็นเคสที่มีนายสั่งหรือนายบอกมา ตรงนี้จะมีการให้อิสระกับพนักงานสอบสวนหรือเจ้าหน้าที่ของเราอย่างไรบ้าง พล.ต.ต.กฤษณะ ตอบว่า นายสั่งหมายความว่ายังไงครับนายสั่ง ผมไม่ทราบนะครับว่า ใครจะมีใบสั่งหรือไม่ ผมรับราชการมาอีก 2 ปีก็จะเกษียณแล้วผมไม่เคยมีใบสั่ง ดังนั้นผมจึงตอบไม่ได้ว่ามันมีใบสั่งหรือไม่ เพราะตัวผมเองผมไม่เคยได้รับใบสั่ง และตัวผมเองก็ไม่เคย เขาเรียกว่าปักธง คือความพยายามเป็นยังไง ข้อเท็จจริงเป็นยังไงก็ว่ากันไปตามนั้น ตำรวจเป็นกระบวนการยุติธรรมขั้นต้น จากนั้นก็ไปที่อัยการ และต้องไปอีกถึงสามศาล ดังนั้นไม่ใช่ว่าเสร็จที่ตำรวจแล้วเรื่องจบไม่ใช่ครับ

ถามอีกว่า คดีหวย 30 ล้านบาท อาจจะมีส่วนเกี่ยวพันกับตำรวจภูธรภาค 7 ด้วย ตรงนี้รู้สึกกังวลหรือไม่เพราะภาค 7 เคยสรุปคดี พล.ต.ต.กฤษณะ ตอบว่า เรื่องนี้ก็มาถามผมไม่ได้เช่นกัน ตามที่ผมเรียนให้ทราบเมื่อสักครู่นี้ว่า ผมไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีมาตั้งแต่ต้น ครั้งแรกเลยคือ ทาง สภ.เมืองกาญจนบุรี เป็นผู้ทำคดี ต่อมาเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม ท่านผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ก็ได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมา ซึ่งมีรองผู้บัญชาการภาค 7 เป็นประธาน ชื่อกฤษณะ ชื่อเดียวกันกับผม ขณะนั้นผู้สื่อข่าวโทรศัพท์มาสอบถามผมบ่อยมาก ซึ่งผมเองก็ตอบผู้สื่อข่าวไม่ได้สักเรื่องหนึ่งเพราะว่าผมไม่ได้ควบคุมดูแลตรงนี้ ซึ่งทางภาค 7 ก็ได้ดำเนินการไป ต่อมาก็เป็นไปอย่างที่ทุกท่านทราบว่ามีการไปร้องว่าอาจจะไม่ได้รับความเป็นธรรมขึ้นมาอีก จึงได้ไปร้องขอความเป็นธรรมจากนายตำรวจขั้นผู้ใหญ่ ซึ่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ท่านก็ได้กรุณาเพื่อให้เกิดความกระจ่าง ก็เลยสั่งการโอนคดีไปที่กองปราบ เพื่อจะได้หมดข้อครหาต่างๆ

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า สุดท้ายแล้ววันที่ 28 นี้ คดีจะมีความชัดเจน และจะมีการออกหมายจับบุคคลใดบุคคลหนึ่ง จะให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ที่จะมาดำเนินการอย่างไรบ้าง พล.ต.ต.กฤษณะ ตอบว่า เรื่องนี้หลังจากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติแถลงที่กองบัญชาการสอบสวนกลาง และหากมีอะไรก็คงจะสั่งการมา ส่วนเรื่องการออกหมายจับ ซึ่งขณะนี้สำนวนการสอบสวนอยู่ที่กองบัญชาการสอบสวนกลาง การออกหมายจับอะไรก็แล้วแต่ ถ้ามี เป็นหน้าที่ของกองปราบที่จะไปขออนุมัติจากศาลอาญารัชดา ส่วนจะประสานขอกำลังมาก็พร้อมให้ความร่วมมืออยู่แล้วไม่มีปัญหา เพราะเราทำงานตามหน้าที่ของเราอยู่แล้ว