กลยุทธ์ 'เอเซอร์' ปักธงยึดที่ 1 พีซีทุกเซกเมนต์

กลยุทธ์ 'เอเซอร์'  ปักธงยึดที่ 1 พีซีทุกเซกเมนต์

ในสนามคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล(พีซี) ชื่อชั้นของ “เอเซอร์” ยังคงอยู่อันดับต้นๆ และสามารถครองอันดับ 1 ในตลาดประเทศไทยมาหลายปี

การแข่งขันที่ดุเดือดจากทั้งผู้เล่นสัญชาติจีน ไต้หวัน สหรัฐ ผลักดันให้ผู้เล่นทุกรายไม่อาจอยู่นิ่งได้ และจำต้องหาวิธีการ ผลิตภัณฑ์ รวมถึงโซลูชั่นใหม่ๆ เข้ามาเสริมความแข็งแกร่ง รับกระแสการเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคยุคดิจิทัลที่มีความผันแปรอยู่ตลอดเวลา

อลัน เจียง กรรมการผู้จัดการ ประจำประเทศไทยและอินโดจีน บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด กล่าวถึงทิศทางธุรกิจของเอเซอร์ในประเทศไทยปี 2561 ว่ามุ่งสานต่อกลยุทธ์ “นิว นิว เอเซอร์” ให้ความสำคัญกับทั้งฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และการบริการ ขณะเดียวกันมีการทำงานที่ใกล้ชิดกับพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อร่วมกันพัฒนาอีโคซิสเต็มส์

เอเซอร์ให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในกลุ่มพีซี โน้ตบุ๊ค ทั้งด้านนวัตกรรม การออกแบบ และเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา มีการลงทุนเพื่อขับเคลื่อนเทคโนโลอินเทอร์เน็ตออฟธิงส์(ไอโอที) วีอาร์ และเออาร์ แน่นอนว่าในปีนี้จะมีการนำผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายมาสู่ประเทศไทย

เขากล่าวว่า เดินหน้าเปิดตัวผลิตภัณฑ์โน้ตบุ๊คในกลุ่มบางเบา(Thin & Light) นำเสนอเกมมิ่งดีไวซ์ที่ครอบคลุม ด้วย เอเซอร์ไนโตร (Acer Nitro) และ พรีเดเตอร์ (Predator) ร่วมไปถึงอุปกรณ์เสริมสำหรับเล่นเกม มากกว่านั้นต่อยอดผลิตภัณฑ์ด้วยโซลูชั่นเช่น สำหรับสัตว์เลี้ยง Pet Hotel, Pet Hospital สร้างมูลค่าและคุณค่าให้ธุรกิจ

นอกจากนี้ บุกตลาดสมาร์ทซิตี้ ด้วยการนำเสนอนวัตกรรม เทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ โดยแบ่งกลุ่มโซลูชั่นเป็น 5 กลุ่ม ภายใต้คอนเซ็ป “Smart City Smart Life” โดยตั้งเป้าหมายที่จะเป็นผู้นำในโซลูชั่นเหล่านี้ให้ได้ กลุ่มนี้ดูแลและทำตลาดโดยกลุ่มธุรกิจเอ็นเตอร์ไพรส์โซลูชั่น

ขณะที่อีกหนึ่งในไฮไลต์ปีนี้ เตรียมนำเสนอโซลูชั่นเวอร์ชวลเดสก์ท็อปสำหรับองค์กรธุรกิจ (Acer Altos Cloud VDI) โดยเอเซอร์เป็นหนึ่งในสามผู้ผลิตกลุ่มผลิตภัณฑ์วีดีไอที่มีส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดในตลาดเอ็นเตอร์ไพรส์ประเทศจีนในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2560 สำหรับประเทศไทยมั่นใจว่าลูกค้าจะให้การตอบรับโซลูชั่นนี้เป็นอย่างดี บริษัทเองมั่นใจว่ามีความพร้อมทั้งด้านผลิตภัณฑ์เอเซอร์และทีมเซอร์วิสที่จะให้คำปรึกษาและบริการกับลูกค้าองค์กรธุรกิจ

หวังปีนี้โตอีก20%

อลันบอกว่า ตลาดรวมพีซีไทยปี 2560 มียอดขาย 2.4 ล้านเครื่อง แม้ว่าเชิงจำนวนจะไม่ได้เติบโต ทว่าเชิงมูลค่าเติบโตขึ้นถึง 18.26% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะตลาดเกมและเครื่องแบบบางเบา จากจำนวนดังกล่าว แบ่งเป็นโน้ตบุ๊กราว 1.2 ล้านเครื่อง ในจำนวนนี้เป็นตลาดคอนซูเมอร์ประมาณ 9.65 แสนเครื่องที่เหลือเป็นองค์กร ขณะที่ตลาดเดสก์ท็อปอยู่ที่ 1.19 ล้านเครื่อง และคาดว่าในปีนี้ก็จะมีจำนวนใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา

“ภาพรวมตลาดไอทีประเทศไทยปีที่ผ่านมาอาจไม่ได้มีการเติบโตสูงมากในแง่ของจำนวนเครื่องที่ขาย แต่ในแง่ของมูลค่าตลาดกลับมีการเติบโตอย่างน่าพอใจ โดยเกิดจากผลตอบรับของผู้บริโภคในกลุ่มผลิตภัณฑ์ 2 กลุ่มหลักคือเกมมิ่ง และบางเบา สำหรับเอเซอร์ยังคงรักษาการเติบโตในระดับที่สูงกว่าตลาดรวมพีซีได้เช่นเดิม และปีนี้ตั้งเป้าจะรักษายอดการเติบโตในระดับ 15-20%”

เอเซอร์เผยว่า มีส่วนแบ่งในตลาดพีซีไทยราว 20% เฉพาะโน้ตบุ๊กมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ 29% ครองอันดับ 1 ในทุกเซกเมนต์ ที่น่าสนใจคือในกลุ่มของโน้ตบุ๊กเกมมิ่งที่ปีที่ผ่านมามีสัดส่วนถึง 12% เอเซอร์ มีส่วนแบ่งถึง 32.2% ขณะที่ในตลาดโน้ตบุ๊กแบบบางเบาที่มีสัดส่วน 14% เอเซอร์มีส่วนแบ่งตลาด 31.9%

บริษัทคาดว่า ภายใน 3 ปีจากนี้ตลาดโน้ตบุ๊กเกมเมอร์มีโอกาสเพิ่มสัดส่วนเป็น 30% ส่วนโน้ตบุ๊กบางเบามีโอกาสเพิ่มสัดส่วนไปเป็น 30-40% เนื่องจากเมื่อผู้บริโภคถึงเวลาเปลี่ยนเครื่องใหม่ ก็จะเลือกใช้งาน 2 กลุ่มนี้เพิ่มมากขึ้น”

ลุยหนักสมาร์ทซิตี้

นิธิพัทธ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด กล่าวเสริมว่า เอเซอร์ยังรักษาตำแหน่งผู้นำและเติบโตได้ดีกว่าตลาด เห็นได้จากปีที่ผ่านมาในตลาดโน้ตบุ๊คจากตลาดรวมที่จำนวนเครื่องเติบโต 7.05% เอเซอร์ เติบโตถึง 10.85% ถ้ามองในแง่ของมูลค่าตลาดรวมเติบโต 12.11% เอเซอร์ เติบโต 16.73%

ปัจจุบัน ตลาดโน้ตบุ๊คไทยแบ่งออกเป็น 3 เซกเมนต์อย่างชัดเจน หลักๆ คือ การใช้งานปกติทั่วไป เครื่องบางเบา และสำหรับเล่นเกม

เขากล่าวว่า ปีนี้จะมีการเสริมรายได้ในส่วนของอุปกรณ์เสริมเกมเมอร์ (Gaming Gear) ที่มากขึ้นโดยเริ่มจากหูฟังไวเลส และเมาส์ และต่อไปจะมีแผ่นรองเมาส์ เก้าอี้เกมเมอร์ ภายในสิ้นปีนี้จะมีให้เลือกหลากหลายรุ่น และหลายระดับราคามากขึ้น

ขณะเดียวกัน เอเซอร์ ยังมองถึงโอกาสที่จะเกิดขึ้นในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า ด้วยการเริ่มแนะนำ Next@Acer ที่นำเสนอโซลูชั่นเกี่ยวกับสมาร์ทซิตี้ การนำอุปกรณ์ไอโอทีมาใช้งานประเมินขณะนี้มั่นใจว่าตลาดเริ่มเปิดรับ ลูกค้าพร้อมใช้งานแล้ว แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าผู้ประกอบการจะลงทุนและนำโซลูชั่นเหล่านี้ไปใช้

ปัจจุบัน การใช้งานดีไวซ์หรือสมาร์ทดีไวซ์ ทั้งผู้บริโภคในกลุ่มคอนซูเมอร์ คอมเมอร์เชียล หรือเอ็นเตอร์ไพรส์ไม่ได้มองหาตามความต้องการใช้งานเท่านั้น แต่ยังพิจารณาถึงการออกแบบที่มีเอกลักษณ์สามารถบ่งบอกถึงตัวตนของเจ้าของดีไวซ์ รวมไปถึงการตอบโจทย์เทรนด์ ที่สอดคล้องกับเทคโนโลยี

“ทุกวันนี้ ผู้ใช้งานมีความเข้าใจเรื่องของประเภทการใช้งานและคุณภาพที่มีผลต่อราคามากขึ้น สะท้อนไปถึงการเลือกซื้อโน้ตบุ๊คที่ตรงตามไลฟ์สไตล์การใช้งานของตนเอง”