สั่งฟ้อง 'อดีต ผอ.พศ.-อดีตเจ้าคณะอำเภอชนแดน' คดีฟอกเงินทอนวัด

สั่งฟ้อง 'อดีต ผอ.พศ.-อดีตเจ้าคณะอำเภอชนแดน' คดีฟอกเงินทอนวัด

อัยการสั่ง ตร.ล่าตัว "อดีต ผอ.พศ." คดีฟอกเงินทอนวัด20ปี "อดีตพระครูกิตติ" ให้การปฏิเสธสู้คดี ลุ้นญาติหาเงิน 1.5 ล้านยื่นประกัน "ฉัตรชัย" ผอ.พศ.ปทุมธานีรอด

เมื่อวันที่ 23 ก.พ. 61 นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยผลการสั่งคดีฟอกเงินงบประมาณสำนักงานพระพุทธศาสนา หรือเงินทอนวัดต่างๆในเขต จ.เพชรบูรณ์ , นครสวรรค์ , ตาก และชุมพร ราว 28 ล้านบาทว่า หลังจากวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนกองปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) ได้ส่งสำนวนพร้อมความเห็นสมควรสั่งฟ้อง "นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์" อดีต ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ หรือ พศ. อายุ 59 ปี ผู้ต้องหาที่ 1 ซึ่งตัวยังหลบหนี , "นายฉัตรชัย ชูเชื้อ" ผอ.พศ.ปทุมธานี อายุ 53 ปี ผู้ต้องหาที่ 2 ซึ่งได้ประกันตัวในชั้นฝากขัง และ "นายสมเกียรติ ขันทอง" หรือ "อดีตพระครูกิตติ พัชรคุณ" อดีตเจ้าคณะอำเภอชนแดน จ.เพชรบูรณ์ และเจ้าอาวาสวัดลาดแค อายุ 54 ปี ผู้ต้องหาที่ 3 ซึ่งตัวถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำเนื่องจากไม่ได้รับการประกันตัวในชั้นฝากขัง ในความผิดฐานร่วมกันสมคบฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 แล้ว

ล่าสุดเมื่อวันที่ 22 ก.พ. ซึ่งครบกำหนดการฝากขังวันสุดท้าย คณะทำงานอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต ก็ได้มีความเห็นสั่งให้ฟ้อง นายนพรัตน์ อดีต ผอ.พศ.ผู้ต้องหาที่ 1 และ อดีตพระครูกิตติ พัชรคุณ อดีตเจ้าคณะอำเภอชนแดน ผู้ต้องหาที่ 3 ในความผิดฐานร่วมกันสมคบฟอกเงิน แต่เนื่องจากในส่วนของนายนพรัตน์ อดีต ผอ.พศ.ผู้ต้องหาที่ 1 ได้หลบหนีระหว่างชั้นสอบสวนไปโดยพนักงานสอบสวนได้ออกหมายจับผู้ต้องหาไว้แล้ว ดังนั้นอัยการจึงแจ้งให้พนักงานสอบสวนทำการติดตามตัวผู้ต้องหามายื่นฟ้องภายในอายุความ 20 ปีนับจากวันเกิดเหตุ (วันที่ 21 ม.ค.) ส่วน อดีตพระครูกิตติฯ ที่อัยการได้สั่งฟ้องและตัวถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำฯ อัยการก็ได้ยื่นฟ้องเป็นจำเลยต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติไม่ชอบกลางไป วานนี้ (22 ก.พ.) ซึ่งคดีก็ต้องรอศาลอาญาคดีทุจริตฯ พิจารณาต่อไป

นายประยุทธ รองโฆษกอัยการ กล่าวอีกว่า สำหรับ นายฉัตรชัย ผอ.พศ.ปทุมธานี ผู้ต้องหาที่ 2 ซึ่งขณะเกิดเหตุดำรงตำแหน่ง ผอ.สำนักพุทธศาสนสถาน พศ. นั้น คณะทำงานอัยการมีความสั่งไม่ฟ้อง เนื่องจากเห็นว่าหลักฐานที่มียังไม่เพียงพอให้ฟ้อง โดยขณะนี้ขั้นตอนอยู่ระหว่างที่อัยการดำเนินการส่งความเห็นดังกล่าวกลับไปให้ ผบ.ตร. เพื่อทำความเห็นตามขั้นตอนกฎหมายว่าจะเห็นตรงหรือเห็นแย้งกับคำสั่งคดีของอัยการ ซึ่งหาก ผบ.ตร. เห็นแย้งก็จะต้องส่งสำนวนและความเห็นนั้นกลับมาให้อัยการสูงสุด พิจารณาชี้ขาดว่าจะฟ้องหรือไม่ฟ้อง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังพนักงานอัยการได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง อดีตพระครูกิตติ พัชรคุณ อดีตเจ้าคณะอำเภอชนแดน จ.เพชรบูรณ์ และเจ้าอาวาสวัดลาดแค อายุ 54 ปี เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันสมคบฟอกเงิน ต่อศาลอาญาคดีทุจริตฯ แล้ว ศาลได้ประทับรับคำฟ้องไว้เป็นคดีดำหมายเลข อท.38/2561 โดยศาลได้สอบคำให้การจำเลยในเบื้องต้นแล้ว จำเลยให้การปฏิเสธ ศาลได้นัดพิจารณาและสอบคำให้การจำเลยในวันจันทร์ที่ 19 มี.ค.นี้ เวลา 09.00 น.

อย่างไรก็ดี วันนี้ (23 ก.พ.) ญาติของ อดีตพระครูกิตติฯ ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสดจำนวน 700,000 บาท เพื่อขอปล่อยชั่วคราวในชั้นพิจารณาคดี ขณะที่ศาลพิจารณาแล้วได้กำหนดวงเงินที่จำเลยจะต้องยื่นหลักทรัพย์จำนวน 1.5 ล้านบาท แต่อย่างไรก็ดีจนเมื่อสิ้นสุดเวลาทำการศาลในเวลา 16.30 น. ปรากฏว่าญาติของจำเลยยังไม่สามารถหาหลักทรัพย์จำนวน 1.5 ล้าน เพื่อยื่นประกอบคำร้องขอปล่อยชั่วคราวได้ทัน ดังนั้น อดีตพระครูกิตติฯ จำเลย จึงต้องถูกคุมขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ต่อไป