ดาวโจนส์ปิดทะยานกว่า100 จุด
รับบอนด์ยีลด์ชะลอตัวจากนิวไฮ 4 ปี
ดัชนีดาวโจนส์ ปิดตลาดวันพฤหัสบดี (22ก.พ.)ตามเวลาท้องถิ่น ในแดนบวกพุ่งขึ้นกว่า 100 จุด หลังปรับตัวลงติดต่อกัน 2 วัน โดยได้ปัจจัยบวกจากการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐชะลอตัวลงในวันนี้ หลังจากพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 4 ปีวานนี้
ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 164.70 จุด ปิดที่ 24,962.48 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 0.1% ปิดที่ 2,703.96 จุด และดัชนีแนสแด็ก ปรับตัวลง 0.1% ปิดที่ 7,210.09 จุด
หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นนำตลาดวันนี้
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวลงในวันนี้ หลังจากพุ่งขึ้นวานนี้ ขานรับการเปิดเผยรายงานการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประจำวันที่ 30-31 ม.ค.
ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลประเภทอายุ 10 ปี ร่วงลงสู่ระดับ 2.919% หลังจากพุ่งแตะระดับ 2.950% เมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 4 ปี ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลประเภทอายุ 30 ปี ปรับตัวลงสู่ระดับ 3.201% ในวันนี้
ราคาพันธบัตร และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะปรับตัวในทิศทางตรงกันข้ามกัน
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐทะยานขึ้นวานนี้ หลังจากรายงานการประชุมเฟดระบุว่า กรรมการเฟดส่วนใหญ่คาดว่าอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐจะดีดตัวขึ้นในปีนี้ ซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้เฟดเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป
นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟด สาขาเซนต์หลุยส์ กล่าวว่า เฟดจะต้องใช้ความระมัดระวังในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วเกินไปในปีนี้ เนื่องจากจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ ตลาดการเงินคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ โดยจะปรับขึ้นครั้งแรกในการประชุมเดือนหน้า
นายบูลลาร์ด กล่าวว่า เฟดจำเป็นต้องจับตาเศรษฐกิจ ซึ่งกำลังบ่งชี้ถึงความแข็งแกร่ง แต่อัตราเงินเฟ้อก็ยังคงอยู่ในระดับต่ำ และมีแนวโน้มต่ำกว่าเป้าหมาย 2% ของเฟดต่อไปอีกหลายปี
ส่วนนายแรนดอล ควาร์ลส์ ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะผู้ว่าการเฟด กล่าวว่า การที่อัตราเงินเฟ้อกำลังปรับตัวอยู่ต่ำกว่าเป้าหมายของเฟดเล็กน้อย ไม่ควรจะเป็นอุปสรรคต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด