ไทยออยล์คาดการณ์แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมัน 19 - 23 ก.พ. 2561

ไทยออยล์คาดการณ์แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมัน 19 - 23 ก.พ. 2561

ราคาน้ำมันคาดจะเผชิญกับแรงกดดันจากสหรัฐ ที่เพิ่มการผลิตน้ำมันดิบอย่างต่อเนื่อง

ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 58-63 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 61-66 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล 

แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ (19 – 23 ก.พ. 61)

ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้ คาดจะได้รับแรงกดดันจากปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐ ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังผู้ผลิตปรับเพิ่มการขุดเจาะน้ำมันดิบขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ คาดจะปรับเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน หลังคาดความต้องการใช้น้ำมันดิบจะปรับลดลงในช่วงการปิดซ่อมบำรุงของโรงกลั่น อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุนจากผู้ผลิตในกลุ่มโอเปคและนอกโอเปคที่ยังคงเดินหน้าปรับลดกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่องและค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ที่มีแนวโน้มอ่อนค่าลง

ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้:

  • ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐ มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น หลังผู้ผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐ ปรับเพิ่มการขุดเจาะน้ำมันดิบขึ้นอย่างต่อเนื่องจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นกว่าต้นทุนการผลิต โดย Baker Hughes รายงานจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบของสหรัฐ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 16 ก.พ. 61 ปรับเพิ่มขึ้น 7 แท่นมาอยู่ที่ระดับ 798 แท่น ซึ่งเป็นระดับที่สูงสุดในรอบ 3 ปี นอกจากนี้ ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐ ในสัปดาห์ล่าสุดยังคงทรงตัวในระดับสูงต่อเนื่องที่ 27 ล้านบาร์เรลต่อวัน และคาดจะแตะระดับ 11.13 ล้านบาร์เรลต่อวันในสิ้นปี 2561
  • ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ คาดจะปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน จากความต้องการใช้น้ำมันดิบที่ปรับลดลงในช่วงการปิดซ่อมบำรุงตามฤดูกาลของโรงกลั่นในสหรัฐ ประกอบกับปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐ ที่มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 9 ก.พ. ปรับเพิ่มขึ้น 8 ล้านบาร์เรล มาแตะระดับ 422.1 ล้านบาร์เรล
  • การผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปคยังคงปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง หลังผู้ผลิตเดินหน้าปรับลดกำลังการผลิต โดยในเดือน ม.ค. ที่ผ่านมาความร่วมมือในการปรับลดกำลังการผลิตของผู้ผลิตในกลุ่มโอเปคปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 137% ซึ่งสูงกว่าความร่วมมือในปีก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ 99% เนื่องจากซาอุดิอาระเบียยังคงเดินหน้าในการปรับลดกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของเวเนซุเอลาปรับลดลงอยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบ 30 ปีที่ 6 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากผลกระทบของวิกฤติทางเศรษฐกิจและการคว่ำบาตรของสหรัฐ
  • ตลาดน้ำมันดิบมีแนวโน้มตึงตัวต่อเนื่อง จากอุปทานน้ำมันดิบที่ยังคงตึงตัวอย่างต่อเนื่อง หลังผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปคคาดจะปรับลดกำลังการผลิตต่อเนื่องจนถึงสิ้นปีนี้ โดยล่าสุดซาอุดิอาระเบียออกมาให้ความเห็นว่ากลุ่มผู้ผลิตยังไม่มีแผนที่จะเลิกกลยุทธ์ในการปรับลดกำลังการผลิต ในช่วงกลางปีนี้ตามที่รัสเซียได้มีการเสนอ รวมถึงความต้องการใช้น้ำมันที่มีแนวโน้มเติบโตในระดับสูงต่อเนื่อง โดยสำนักงานพลังงานสากล (IEA) คาดในปี 2561 ความต้องการใช้น้ำมันจะเติบโตสูงขึ้น 4 ล้านบาร์เรลต่อวันจากปีก่อนหน้า
  • ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมยูโรโซน ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมสหรัฐ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสหรัฐ และความเชื่อมั่นผู้บริโภคยูโรโซน

 

สรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (12 – 16 ก.พ.  61)

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.48 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 61.68 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในขณะที่ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.05 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 64.84 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล  ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปิดเฉลี่ยอยู่ที่ 61.50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล  โดยได้รับแรงหนุนจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ที่อ่อนตัวลงจากสัปดาห์ที่แล้ว เนื่องจากนักลงทุนปรับการลงทุนไปยังตลาดหุ้นและตลาดเงินต่างประเทศ นอกจากนี้ ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ ในสัปดาห์ก่อนหน้า ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.8 ล้านบาร์เรล ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 2.8 ล้านบาร์เรล  อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบยังคงได้รับแรงกดดันจากกำลังการผลิตสหรัฐ ที่ได้เพิ่มขึ้นมาแตะระดับสูงกว่า 10 ล้านบาร์เรลต่อวัน สอดคล้องกับปริมาณแท่นขุดเจาะที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 7 แท่นในสัปดาห์ที่แล้วมาอยู่ที่ 798 แท่น

 ---------------------------------------

ที่มา : บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)         

         โทร.02-797-2999