วิทยาลัยดุสิตธานีจับมือการบินไทย เสริมคุณภาพการบริการชั้นเฟิร์สคลาส

วิทยาลัยดุสิตธานีจับมือการบินไทย เสริมคุณภาพการบริการชั้นเฟิร์สคลาส

การบินไทยดึงวิทยาลัยดุสิตธานี จัดหลักสูตรพัฒนาคุณภาพการบริการให้กับลูกเรือที่บริการชั้นเฟิร์สคลาส เพื่อยกระดับคุณภาพการบริการและจัดการความคาดหวังของผู้โดยสารได้ดีขึ้น ชี้ปัจจุบันสายการบินแข่งขันสูง บริการที่ดีอยู่แล้วจึงต้องพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นอีก

ดร.สาโรจน์ พรประภา อธิการบดีวิทยาลัยดุสิตธานี สถาบันผลิตบุคลากรคุณภาพให้กับวงการท่องเที่ยวและบริการอย่างต่อเนื่องและยาวนานเป็นเวลากว่า 24 ปี เปิดเผยว่า เป็นที่น่ายินดีอย่างยิ่งที่วิทยาลัยดุสิตธานีได้รับการคัดเลือกจาก บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ให้ดำเนินการจัดอบรมหลักสูตร "Graciousness in the Sky" หรือ "อัธยาศัยและไมตรีบนเครื่องบิน" ให้กับลูกเรือการบินไทยที่ให้บริการในชั้นเฟิร์สคลาส เพื่อยกระดับคุณภาพการให้บริการให้เกิดความประทับใจและมีการจัดการความคาดหวังของผู้โดยสารได้ดียิ่งขึ้น

"ปัจจุบันลูกเรือการบินไทยก็ได้รับการยกย่องจากผู้โดยสารทั่วโลกในเรื่องของบริการที่ดีอยู่แล้ว แต่ที่ต้องอบรมเพิ่มเติมก็เพราะมีรายละเอียดบางอย่างที่จะต้องเติมเต็มความรู้ เช่น การจัดอาหารให้น่ารับประทาน การเล่าเรื่องอาหารที่เสิร์ฟให้ผู้โดยสารมีความรู้และความเพลิดเพลินได้ด้วย รวมไปถึงการจัดเซ็ทเมนูที่คู่กับไวน์ได้อย่างเหมาะสม" ดร.สาโรจน์กล่าว

อธิการบดีวิทยาลัยดุสิตธานี กล่าวว่า การบริการที่จะทำให้เกิดความประทับใจนั้น จะต้องจัดการความคาดหวังของผู้โดยสารในทุกขั้นตอน ตั้งแต่ช่วงที่ผู้โดยสารค้นหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ต ซึ่งเราสามารถรู้ความต้องการเบื้องต้นของผู้โดยสารในขั้นตอนนี้ได้ และในเวลาที่ให้บริการจริงก็ต้องรู้ว่าผู้โดยสารคาดหวังอะไร จนกระทั่งการบริการสิ้นสุดลง ก็ยังต้องคำนึงถึงความรู้สึกของผู้รับบริการ

ทั้งนี้ ในปัจจุบันที่สื่อสังคมออนไลน์มีบทบาทสูง ผู้โดยสารจะมี 2 ประเภท คือผู้ที่มาใช้บริการจริง กับผู้ที่มาตรวจสอบคุณภาพการบริการ และจะรายงานผลการตรวจสอบคุณภาพนี้ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ดังนั้น การบริการต้องทำอย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งนับเป็นข้อได้เปรียบของคนไทยอยู่แล้ว เพราะคนไทยมีน้ำใจเป็นพื้นฐาน และมีจิตวิญญาณของงานบริการมาตั้งแต่อดีต ตามคำกล่าวที่ว่า 'ใครมาถึงเรือนชานต้องต้อนรับ'

"ผมเชื่อมั่นว่า ผู้เข้ารับการอบรมหลักสูตรนี้ จะมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้นในการเล่าเรื่องอาหารให้ผู้โดยสารฟัง การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าก็จะทำได้ดีขึ้น อีกทั้งขวัญและกำลังใจของลูกเรือก็จะดีขึ้น เพราะสะท้อนว่าผู้บริหารการบินไทยใส่ใจพัฒนาศักยภาพของพนักงานอยู่เสมอ" ดร.สาโรจน์กล่าว

นายเฉลิมพล แก้วชินพร ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายบริการบนเครื่องบิน (DQ) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เหตุผลที่การบินไทยเชิญชวนให้วิทยาลัยดุสิตธานีจัดหลักสูตรอบรมนี้ขึ้น เพราะเชื่อมั่นในชื่อเสียงและคุณภาพของวิทยาลัยดุสิตธานี ที่จะสามารถเพิ่มพูนประสิทธิภาพการให้บริการกับพนักงานการบินไทยได้ โดยเฉพาะในเรื่องของอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งพนักงานที่ผ่านการอบรมจะมีความมั่นใจมากขึ้นอย่างแน่นอนในการพูดคุยกับผู้โดยสาร

"ทุกวันนี้การแข่งขันของธุรกิจการบินสูงมาก โดยตัวชี้วัดการให้บริการที่สำคัญก็คือลูกเรือและอาหาร ดังนั้น แม้ว่าการบริการของการบินไทยจะดีอยู่แล้ว ก็ต้องพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นไปอีก ต้องใส่ใจในทุกรายละเอียดมากขึ้น" นายเฉลิมพล กล่าว

ข้อมูลเกี่ยวกับวิทยาลัยดุสิตธานี ยกระดับมาจาก "โรงเรียนการโรงแรมดุสิตธานี" ซึ่งถือกำเนิดขึ้นบนถนนศรีนครินทร์ เขตประเวศ กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ.2536 โดยความตั้งใจของท่านผู้หญิงชนัตถ์ ปิยะอุย ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งประธานกรรมการ และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) ที่ต้องการผลิตบุคลากรที่มีความรู้ความเข้าใจในวิชาชีพเฉพาะทาง และเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาธุรกิจโรงแรมและบริการ ให้รุดหน้าทัดเทียมนานาประเทศ อันจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศชาติโดยรวม


วิทยาลัยดุสิตธานี เป็นวิทยาลัยที่ได้รับอนุมัติให้เปิดสอนในระดับปริญญาตรีเป็นแห่งแรกของประเทศไทย นับตั้งแต่ปีการศึกษา 2539 เป็นต้นมา โดยปัจจุบันมีหลักสูตรปริญญาตรี 5 สาขาวิชา ได้แก่ การจัดการโรงแรมและรีสอร์ท, การจัดการครัวและศิลปะการประกอบอาหาร, การจัดการท่องเที่ยว, การจัดการสปา และการจัดการไมซ์และอิเว็นตส์ มีหลักสูตรนานาชาติระดับปริญญาตรี 2 สาขาวิชา คือศิลปะการประกอบอาหารและการจัดการภัตตาคาร การจัดการโรงแรมและรีสอร์ท และหลักสูตรระดับปริญญาโท MBA 2 กลุ่มวิชา คือ การจัดการธุรกิจบริการ ผู้ประกอบการและนวัตกรรม

ด้วยปรัชญาหลักในการมุ่งเน้นความเป็นเลิศทางวิชาการและการจัดการการเรียนการสอนอย่างมีคุณภาพ ทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ ทำให้วิทยาลัยดุสิตธานีเป็นสถานศึกษาแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทยที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน THE-ICE (The International Centre of Excellence in Tourism and Hospitality Education) และ WACS (World Association of Chefs Societies) ซึ่งเป็นมาตรฐานการศึกษาชั้นสูงเทียบเท่าสถาบันชั้นนำที่มีเพียงไม่กี่แห่งในโลก