'ชัยวัฒน์' ย้ำ! เสียงคลิปลับ ไม่มี 'เปรมชัย'

'ชัยวัฒน์' ย้ำ! เสียงคลิปลับ ไม่มี 'เปรมชัย'

"ชัยวัฒน์" เผยรู้ตัวเสียงปริศนาในคลิป ไม่ใช่ "เปรมชัย" เป็นแค่คนขับรถขอเคลียร์จนท.จ่อมอบให้ "ศรีวราห์" ยันไม่มี "บิ๊กสีกากี" โทรเจรจา

จากกรณีที่เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก จับกุมนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารและกรรมการ บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล็อปเมนต์ พร้อมพวก 3 คน และของกลางซากสัตว์ป่าคุ้มครอง คือ ไก่ฟ้าหลังเทา ซากเนื้อเก้ง ซากเสือดำ ถูกชำแหละ ก่อนถลกหนัง อาวุธปืน และเครื่องกระสุนจำนวนหนึ่งนั้น

เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2561 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าชุดพญาเสือ พร้อมด้วย นายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก ผู้นำทีมเข้าจับกุม ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อให้ข้อมูลกับกรณีที่เกิดขึ้น โดยมีพล.ต.อ ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร กำกับดูแลการสอบปากคำ นายวิเชียร ชิณวงษ์ หน.เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก ผู้นำทีมเข้าจับกุม ด้วยตัวเอง

นายชัยวัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ทั้งนี้คนที่เป็นผู้อัดคลิปเสียงจะมายืนยันกับเจ้าหน้าที่ว่าใครเป็นคนพูดอะไรบ้าง ซึ่งจะให้ความชัดเจนได้มากกว่า ในขณะที่ตรวจสอบครั้งแรกพบคือวันที่ 4 กุมภาพันธ์ มีการพยายามนำตัวออกมาถึงประมาณ 03.00 น. ของวันที่ 5 กุมภาพันธ์ จากนั้นเขาก็มาพักอยู่ที่หน่วย ในช่วงนั้นเป็นช่วงที่คลิปเสียงเกิดขึ้นก็มีการพูดคุยกัน ก็ปรากฎตามที่ทุกคนได้ยิน

เมื่อถามว่ามีเจ้าหน้าที่ของกระทรวงทรัพย์ฯมากดดันในการทำหน้าที่หรือไม่ทางด้านนายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ไม่มีหรอกครับ ใครจะกดดันเราได้ เราจับนะ เราจับนักลงทุนระดับชาติ แล้วไม่มีคำตอบกลับไปเลยว่าจะต้องมีคนเคลียร์ เพราะเราจับแล้ว เราแสดงตัวตนว่าเรากล่าวหาเขาแล้ว ในการที่จะโทรมาเคลียร์หรือมาบอกว่าให้คดีนี้ลดโทษลงไม่มีหรอกครับ

"ผมยืนยัน 100 % ไม่มีผู้บริหารระดับกรมรู้เห็นเรื่องนี้แน่นอน แล้วผมเองได้รับโทรศัพท์จากอธิบดีวันที่เกิดเหตุ ท่านสั่งผมโดยตรงว่าดำเนินการตามกฎหมายแล้วไม่ต้องเกรงกลัวใครทั้งนั้น ซึ่งขณะนั้นท่านอยู่กับรัฐมนตรี และผมเป็นคนรับโทรศัพท์เอง ผมจึงรีบเดินทางไปทำสำนวนแจ้งความดำเนินคดี เพราะสำนวนใช้ประสบการณ์จากเดิมที่เคยอยู่แก่งกระจานมาเทียบเคียงกันแล้วพรรณาเรื่องของสถานที่เกิดเหตุ วันนั้นเกิดเหตุอะไรอย่างไร แล้วทำไมถึงจับ ทำไมเวลายาวถึง 1-2 วัน ซึ่งเป็นเรื่องของการทำสำนวนคดี เพื่อที่จะไม่ให้เกี่ยวข้องกับการกักขังหน่วงเหนี่ยว หรือกักขังเกิน 48 ชั่วโมง" นายชัยวัฒน์ กล่าว

นายชัยวัฒน์ กล่าวอีกว่า ตามผลงานพญาเสือกับกรมอุทยานตนจับมาหมดแล้วนะ ส.ส.ตนก็จับมาแล้ว รวมถึงเกาะที่ระนอง นักลงทุนขนาดใหญ่ในภาคใต้ ตนก็เคยจับมาหมดแล้ว ตนก็จับทุกคดี ส่วนนายเปรมชัยตนไม่รู้จัก แล้วไม่รู้ว่าเขารวยขนาดไหน ตนก็ไม่รู้ แต่ตนรู้ว่ากรมตนอยู่ได้เพราะเจ้าหน้าที่ตนปกป้องป่าเท่านั้นเอง ใครจะใหญ่แค่ไหนตนไม่สน เราก็ทำงานตามหน้าที่ของเรา

นายชัยวัฒน์ กล่าวต่อว่า เบื้องต้นได้แจ้งทุกหน่วยให้ตรวจสอบย้อนหลังไปว่าก่อนหน้านี้มีการลักลอบเข้าไปหรือไม่ ตั้งแต่โลเคชั่นที่มีการแชร์ และตรวจสอบภาพที่ไปยืนตามจุดชมวิวต่างๆ ว่าอยู่จุดใด เข้าไปในฐานะนักท่องเที่ยวเสียค่าบริการหรือไม่ รายละเอียดของวันและเวลาที่เข้าไป

"ผมบอกตรงๆ ว่าทำไมวันนี้หัวหน้าวิเชียรถึงกล้าลุย เพราะถ้าหัวไม่ส่ายหางก็ไม่กระดิก และถ้าหัวเข้มแข็งลูกน้องก็เต็มที่อยู่แล้ว ผมก็พูดตรงๆ ว่าทำไมวันนี้ผมถึงรับอาสามาเป็นพญาเสือ เพราะผมรู้อยู่แล้วว่าทุกขลาภของตำแหน่งนี้อย่างไรก็ถูกฟ้องกลับ เราทำงานเรารู้ว่าถ้าหัวไม่ส่ายเราก็ทำงานได้เต็มที่ ผมจึงยืนยันได้ว่าในกระบวนการตั้งแต่รัฐมนตรีลงมาถึงอธิบดีท่านสั่งการโดยเด็ดขาดว่าดำเนินการตามกฎหมายและไม่มีการทุจริตไม่มีการเรียกทรัพย์ไม่มีการต่อรองเจรจากับผู้ต้องหาทั้งสิ้น"นายชัยวัฒน์ กล่าว

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากังวลหรือไม่หากฝั่งทนายเล่นแง่ว่าเสือจะเข้ามาทำร้ายทางด้านนายชัยวัฒน์ กล่าวว่า พฤติกรรมของสัตว์ป่า สามารถตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญได้อยู่แล้ว สัตว์ป่าทั่วไปกลัวมนุษย์ เพราะมนุษย์เป็นผู้ล่าสูงสุดในวงจรชีวิตของสัตว์ป่า จะบอกว่าเสือจะคลานเข้ามากัดไม่มีหรอกครับ หรืองูจะเข้ามากัด ไม่มีหรอกนอกจากคุณจะไปเหยียบรัง ไข่ แย่งที่นอน หรือแย่งลูกเขาถึงทำร้าย แล้วเสือตัวนี้มีอายุมากกว่า 5 ปี และดูจากลักษณะแล้วไม่น่าจะมีลูก เพราะฉะนั้นเขาไม่ทำร้ายคนแน่นอน

นายชัยวัฒน์ กล่าวต่อว่า พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวทั่วไปไม่มีใครพกปืนยาวไป 2-3 กระบอก และตนเชื่อว่านายเปรมชัยสามารถพกปืนสั้นได้ เพราะเป็นผู้บริหารระดับสูงของเศรษฐกิจและเขาสามารถมีปืนพกสั้นเพื่อป้องกันตัว แต่การพกปืนยาวไปป้องกันตัวสามัญสำนึกของคนทั่วไปไม่มีโดยเด็ดขาด เพราะฉะนั้นเขาเตรียมการตั้งแต่เริ่มต้น

"โดยในการเตรียมการเขามีปืนไป 3 กระบอก มีกระสุนปืนไปพร้อมทุกชนิดเลย ซ้ำร้ายกว่านั้นเขามีเกลืออีก 4 ถุง ฉะนั้นคนปกติเที่ยวป่าเขาไม่พกเกลือถึง 4 ถุง เตรียมอยู่แล้วว่าเอาไปแช่ หมัก หรือไปเซตของที่ล่าได้ให้มีคุณภาพของเนื้อ ทน อายุนานกว่าที่กิน เกลือ 4 ถุงกับคน 4 คนที่เข้าไปหากเป็นคนทั่วไปอยู่ได้ถึง 2 เดือน"นายชัยวัฒน์ กล่าว

นายชัยวัฒน์ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้มีการเตรียมการมีเจตตนาที่จะเข้าไปไม่ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะเป็นอย่างไรก็ตาม แต่การเข้าไปครั้งนี้มีซากสัตว์ มีชิ้นเนื้อของสัตว์ มีอุปกรณ์ต่างๆ ที่ผิดกฎหมายอยู่ในพื้นที่เขตหวงห้ามเขตอนุรักษ์

นายชัยวัฒน์ กล่าวอีกว่า ตนระบุไม่ได้ว่าเขาเป็นผู้ล่าหรือไม่แต่จนรู้ว่าเขาอยู่เบื้องหลังการล่าแน่นอน เพราะเราสามารถพิสูจน์ได้แล้วว่าทะเบียนปืน 1 กระบอกเป็นของนายเปรมชัย เขาจะอ้างไม่ได้ว่าปืนไม่ใช่ของเขา เขาเตรียมปืนของเขาไปเองอาจจะไหว้วานให้นายธานีหรือนายยงค์เป็นคนยิงเขาก็ต้องอยู่เบื้องหลังอยู่แล้ว เขามีปืนแต่เขาไม่ได้ยิงไม่ใช่ว่าเขาไม่ผิดนะ เขาอาจจะจ้างวาน ไหว้วานทำให้สัตว์ป่าเสียชีวิต หรือบงการให้มีการล่าสัตว์ป่า ซึ่งตนเชื่อศักยภาพของพนักงานสอบสวน นำโดยพล.ต.อ.ศรีวราห์ ที่มีความเชี่ยวชาญในการสอบสวนอย่างมาก

นายชัยวัฒน์ ยังกล่าวต่อว่า การผ่านด่านเข้าไปตนบอกตรงๆ ว่า ด้านหลังกระบะมีของสิ่งของอยู่เต็ม ซึ่งนายเปรมชัยได้ทำหนังสือขออนุญาตไปที่สำนัก ซึ่งในส่วนของสำนักก็รอการอนุญาต โดยระบบทั่วไปเมื่อเข้าไปเที่ยวในเขตอุทยานไม่มีเจ้าหน้าที่คนไหนจะเข้าไปค้นสิ่งของ เนื่องจากเข้าใจว่าต้องการไปท่องเที่ยว นันทนาการ และพักผ่อน เราก็คิดว่าทางนายเปรมชัยจะเข้าไปพักผ่อนใครจะเชื่อว่าจะเอาอาวุธเข้าไปขนาดนั้น เพื่อไปถล่มสัตว์ป่า มันเป็นไปไม่ได้ ด้วยสามัญสำนึกและมีการแสดงตัวตนชัดเจนว่าเขาเป็นเศรษฐีระดับประเทศ ใครจะเชื่อว่าเขาเอาอาวุธเข้าไปเพื่อยิงสัตว์ป่าขนาดนี้ ตนให้มุมมองหนึ่งว่าเขาเข้าไปอนุญาตหรือไม่อนุญาตเป็นประเด็นที่ทางเจ้าหน้าที่อุทยานเราตระหนักอยู่แล้ว พยายามเข้มงวดในระเบียบอยู่แล้ว แต่เข้าไปเพื่อเจตนาล่าสัตว์มันน่าจะเป็นประเด็นมากกว่า

นายชัยวัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ทุ่งใหญ่นเรศวร ฝั่งตะวันตกมีเนื้อที่กว่า 2 ล้านไร่ เป็นป่าดิบแล้ง ป่าเบญจพรรณ และป่าเต็งรังบางส่วน เป็นที่ราบสูงไม่ชันมีภูเขาสลับซับซ้อนค่อนข้างแบนเรียบ มีทุ่งหญ้า อาหาร จึงเป็นพื้นที่เหมาะสมกับสัตว์ป่าทั่วไป มีความหลากหลายทางชีวภาพค่อนข้างสมบูรณ์สูง นักท่องเที่ยวทั่วไปจะเข้าไปเจอเสือดำตัวนี้เป็นประจำ พฤติกรรมของเสือดำหากหนาว สายๆ เขาจะมานอนอาบแดด

นายชัยวัฒน์ กล่าวอีกว่า โดยพื้นที่อาบแดดที่เหมาะสมที่สุดคือบนถนน ซึ่งถนนที่วิ่งเข้าไปมีเพียงเส้นทางเดียว พฤติกรรมตรงนี้ทำให้ตนเชื่อว่าคนที่นำนักธุรกิจคนนี้เข้าเคยรู้ว่าเสือดำตัวนี้นอนอยู่แถวนี้ ซึ่งนักท่องเที่ยวเห็นเพียงตัวเดียว ตนขอชี้แจงว่าเสือดาวกับเสือดำเป็นเสือชนิดเดียวกัน แต่เวลาออกลูกจะเป็น 2:1 คือเสือดาว 2 ตัว เสือดำ 1 ตัว เพราะฉะนั้นจะทำให้ยิ่งหายากมาก โดยใน 3 ตัวจะรอดชีวิตเพียง 1 ตัว ตัวที่อ่อนแอก็คือเสือดำโอกาสรอดตายจึงยากมาก และมีนิสัยไม่รวมฝูงด้วย โอกาสที่มันรอดมาแล้ว แล้วมีคนไปยิงมันตาย เอาไปทำซุปหางเสือดำ ตนรับไม่ได้ ยืนยันว่าในพื้นที่ดังกล่าวพบเห็นเสือดำแค่เพียง 1 ตัว แต่อาจจะพบเสือดำในพื้นที่อื่นเพราะมีบริเวณกว้างใน 10 ตร.กม. ซึ่งพื้นที่ทุ่งใหญ่และห้วยขาแข้งกว้างประมาณ 4-5 ล้านไร่

นายชัยวัฒน์ กล่าวอีกว่า การขออนุญาตเข้าไปได้มีการขออนุญาตมาอยู่แล้ว หัวหน้าวิเชียรได้รับโทรศัพท์ก็ทำหนังสือถึงสำนัก 3 เพื่อจะยืนยันว่านายเปรมชัยจะเข้ามาอนุญาตถูกต้องหรือไม่ขอหลักฐานเพิ่มเติม ก็ได้ยื่นไปที่สำนัก 3 แล้ว ซึ่งพฤติกรรมโดยทั่วไปปกติเวลาขออนุญาตมาก็จะให้ทุกครั้ง เพราะไม่มีใครคิดว่าเข้าไปแล้วจะไปล่าสัตว์ บางครั้งเอกสารมาวันศุกร์บอกจะเข้าวันเสาร์ แต่ในวันจันทร์จะมาเซ็นให้ ต้องให้ความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ แต่ที่เขาขออนุญาตมาไม่ถึง 5 วัน มีการขอเข้าไป แต่ทางสำนัก 3 ยังไม่มีการอนุญาต ตนจึงชี้แจงในครั้งแรกว่าเอกสารยังไม่ครบและยังไม่ให้เข้า แต่การอนุญาตให้เข้าเรารู้อยู่แล้วว่าเมื่อถึงวันจันทร์ก็ต้องอนุญาตให้เข้า แต่ทั้งนี้ยังไม่มีการเซ็นหนังสือเขาก็เข้าไป

"หากถามว่าเข้าไปได้อย่างไรก็รู้ๆกันอยู่ว่าอย่างไรก็ต้องอนุญาตให้เข้า ไม่มีใครรู้หรอกว่านายเปรมชัยจะเข้าไปล่าสัตว์ และตรงจุดนั้นเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวจะเข้าไป เราหรือใครก็ได้เข้าไปเสียเงินค่าเข้าคนละ 20 บาท ค่ารถ 30 บาท ซึ่งคณะนี้จริงๆ ไม่ต้องมีหนังสือขออนุญาตก็ได้ แค่ไปจ่ายเงิน 110 บาท คือ 4 คน 80 บาท ค่ารถอีก 1 คันก็ 30 บาท แต่มหาเศรษฐีประหยัดเงิน 110 บาท เพื่อจะขอเข้าฟรี ผมก็หดหู่เหมือนกัน มีเงินก็ไม่รู้จะเอาไว้ตรงไหนแต่เงิน 110 บาทขอประหยัดแค่นั้นเอง แล้วเข้าไปทำให้เจ้าหน้าที่เราเดือดร้อน จริงๆ เขาซื้อบัตรเข้าไปก็ไม่เดือดร้อนใครเลย กรณีดังกล่าวทำให้สังคมสะเทือนใจจึงมีข้อสงสัยว่าเข้าไปได้อย่างไร แต่ที่ควรเป็นประเด็นจริงๆ คือคนระดับนี้เข้าไปล่าสัตว์เป็นเยี่ยงอย่างที่ควรทำหรือไม่"นายชัยวัฒน์ กล่าว