ดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคม.ค.61สูงสุดในรอบ 3 ปี

ดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคม.ค.61สูงสุดในรอบ 3 ปี

"ม.หอการค้าไทย" เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ม.ค.61 อยู่ที่ 80 สูงสุดรอบ 3 ปี มองหุ้นไทยร่วงเช้านี้แค่ขายทำกำไรระยะสั้น จับตาการเลือกตั้ง

นายธนวรรธน์ พลวิชัย รองอธิการบดีอาวุโสวิชาการและงานวิจัย และ ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเดือนม.ค. อยู่ที่ 80 เพิ่มขึ้นจากเดือนธ.ค.ที่อยู่ 79.2 ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 และ เป็นระดับสูงสุดในรอบ 36 เดือนนับตั้งแต่เดือนก.พ. 58

ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมในเดือนม.ค. ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 มาอยู่ที่ 67.0 เป็นระดับสูงสุดในรอบ 34 เดือนนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 58 และ เพิ่มขึ้นจากเดือนธ.ค.ที่อยู่ 66.2 อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคยังกังวลต่อผลกระทบจากการเงินบาทแข็งค่าอย่างรวดเร็วจาก 32 บาท/ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 31 บาท/ดอลลาร์ แต่ยังเชื่อว่าเงินบาทจะไม่หลุด 31 บาท/ดอลลาร์ และ สิ้นปีนี้ยังมองค่าเงินบาทที่ 31.50-32.00 บาท/ดอลลาร์ ประกอบกับ การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำที่อาจส่งผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในอนาคต

โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวมยังคงต่ำกว่า 100 แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคยังเห็นว่าเศรษฐกิจโดยรวมยังฟื้นตัวขึ้นไม่มาก ซึ่งผู้บริโภคยังมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การฟื้นตัวเศรษฐกิจไทย และ เศรษฐกิจโลกที่ยังมีความผันผวนสูง ราคาพืชผลทางการเกษตร โดยเฉพาะข้าว ยางพารา มันสำปะหลัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และ ปาล์มน้ำมัน ยังทรงตัวในระดับต่ำ ยังคงเป็นตัวบั่นทอนความเชื่อมั่นโดยรวม

"ดัชนีปรับตัวดีขึ้น เพราะผู้บริโภคเริ่มกลับมามีความมั่นใจในการบริโภคสินค้า และ บริการมากขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ซึ่งจะมีส่วนสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวเด้นชัดขึ้นในปลายไตรมาส 2 และ เป็นปัจจัยหนุนให้เศรษฐกิจไทยปีนี้ขยายตัวได้ 4.2-4.5% แต่ขอดูตัวเลขสภาพัฒน์อีกครั้งในเดือนนี้ ก่อนที่จะพิจารณาปรับตัวเลขต่างๆในเดือนมี.ค. โดยเศรษฐกิจไทยมีโอกาสขยายตัวมากกว่า 4.5% และ ไม่มีที่จะปรับลง เพราะการท่องเที่ยวยังโต และ ส่งออกก็โต โดยเรายังคงมองส่งออกปีนี้โต 5% และ นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นแตะ 37 ล้านคน" นายธนวรรธน์ กล่าว

สำหรับเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4/60 คาดว่าจะขยายตัวได้ 4.6-4.8% ทำให้ทั้งปี 60 เศรษฐกิจขยายตัวได้ 4% ตามที่กระทรวงการคลังคาดหวังไว้ และ ยังเป็นระดับสูงสุดในรอบ 5 ปี โดยส่งออก และ ท่องเที่ยวยังเป็นปัจจัยหนุนที่สำคัญ และ จะเป็นแรงส่งต่อเนื่องมายังไตรมาส 1/61

ส่วนการที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยร่วงหนักในเช้านี้ นายธนวรรธน์ กล่าวว่า เป็นการขายทำกำไรระยะสั้นของนักลงทุน ซึ่ง เชื่อว่าไม่กระทบความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจโดยรวม โดยดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา แต่ยังมีปัจจัยที่ต้องติดตาม คือ การเลือกตั้ง ซึ่งมองว่ามีผลในระยะสั้นเท่านั้น เพราะรัฐยังเดินหน้าอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบ โดยเฉพาะฐานราก และภาคธุรกิจเอสเอ็ม