เอเซอร์ร่วมวงสมาร์ทซิตี้

นายอลัน เจียง กรรมการผู้จัดการประจำประเทศไทยและอินโดจีน บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด กล่าวว่า มีแผนบุกหนักตลาดโซลูชั่นสำหรับการพัฒนาสมาร์ทซิตี้ในประเทศไทยอย่างเต็มรูปแบบ โดยตั้งเป้าไว้ว่าภายในสิ้นปี 2561 จะทำสัดส่วนรายได้ให้ถึง 5-10% ของรายได้รวม

สำหรับแนวทางธุรกิจ ชูจุดแข็งการมี “สมาร์ท โซลูชั่น” ครอบคลุมทั้งฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ คลาวด์ บิ๊กดาต้า ไอโอที และเอไอ ตอบโจทย์การสร้างบริบทใหม่ในสังคยุคดิจิทัล รวมถึงการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ ขณะนี้เริ่มมีการเข้าไปพูดคุยแล้วกับภาคเอกชนรวมถึงหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เบื้องต้นโครงการที่จะได้เห็นคาดว่าจะเป็นรูปแบบบีทูซีสำหรับภาคเอกชน ส่วนภาครัฐยังคงต้องใช้เวลา

เอเซอร์สมาร์ทโซลูชั่นสามารถแตกออกเป็น 5 กลุ่มหลักประกอบด้วย สมาร์ทลิฟวิ่ง, สมาร์ทโมบิลิตี้, สมาร์ทอีโคโนมี, สมาร์ทพีเพิล, และสมาร์ทกอฟเวิร์นเมนท์ พร้อมกันนี้ นำเสนอ “LoRa Network” เพื่อนำมาใช้กับอุปกรณ์ไอโอทีโดยมีจุดเด่นคือความสามารถในการเชื่อมต่ออุปกรณ์ไอโอทีได้ครั้งละจำนวนมาก ครอบคลุมพื้นที่กว้าง กินไฟต่ำ

“จุดต่างของเอเซอร์คือการมีโซลูชั่นที่ครบวงจร บริการผสานไปกับการทำงานอัจฉริยะเทคโนโลยีเอไอ ไอโอที ทั้งมีโซลูชั่นที่สามารถตอบโจทย์ด้านการตลาดและให้ผลตอบรับที่มีประสิทธิภาพ ปรับเปลี่ยนการใช้งานไปได้กับหลากหลายอุตสาหกรรม”

ด้านการตลาด อันดับแรกๆ เน้นเพิ่มการรับรู้ พร้อมๆ ไปกับสร้างความเข้าใจถึงผลิตภัณฑ์และสิ่งที่เอเซอร์จะเข้าไปช่วยได้ ขณะเดียวกันให้การศึกษาตลาดต่อเนื่อง

เขากล่าวว่า การเปลี่ยนผ่านของเทคโนโลยีเป็นไปอย่างรวดเร็ว ในไทยภาพของการสร้างเมืองอัจฉริยะปรากฏให้เห็นชัดเจนขึ้น นอกจากภาครัฐที่ออกมากระตุ้นและผลักดันให้การพัฒนาเป็นไปอย่างรวดเร็ว ยังส่งผลให้ภาคเอกชนเร่งมองหาโอกาสที่จะพัฒนาตนเองให้เป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อน

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยบวกจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่มีทิศทางเป็นบวก การลงทุนเน็ตประชารัฐที่เพิ่มการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตทั่วประเทศซึ่งหากแล้วเสร็จจะส่งผลให้จีดีพีของประเทศเติบโตเพิ่มขึ้นได้ถึง 10-15 เท่า

อย่างไรก็ดี การจะทำให้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรม นอกจากเครื่องมือ เทคโนโลยี และอินฟราสตรัคเจอร์ต้องมีพร้อมแล้ว ยังต้องอาศัยผู้คนที่มีความสามารถ รัฐบาล และภาคเอกชนประกอบเข้าร่วมกัน ดังนั้นเอเซอร์ขอเป็นหนึ่งในจิ๊กซอว์ที่ช่วยประกอบร่าง ตอบโจทย์มาตรฐานชีวิตทั้งทางเศรษฐกิจและสังคม มั่นใจว่าด้วยประสบการณ์ ความสำเร็จที่ผ่านๆ มากับการนำโซลูชั่นไปใช้ในหลายๆ ประเทศ รวมไปถึงความเป็นบริษัทที่มีรากฐานของความเป็นเอเชียจะทำให้เข้าใจความต้องการของตลาด เข้าถึงทิศทางการพัฒนาของแต่ละประเทศ

“การพัฒนาสมาร์ทซิตี้ต้องมีองค์ประกอบที่หลากหลาย ทั้งระบบโครงสร้างพื้นฐาน การจัดเก็บข้อมูล นวัตกรรมเทคโนโลยี การให้บริการด้านต่างๆ ที่นำไปสู่การเชื่อมโยงผสมผสานเข้าด้วยกันเพื่อให้เกิดการจัดการและใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ” นายอลัน กล่าว