เจ้าอาวาสวัดขับกระบะกลับรถกระชั้นชิด ทำให้รถขับทางตรงเบรกไม่ทันพุ่งชน 3 คันซ้อนพังเสียหาย หลังเกิดเหตุหลวงพ่อหนีเข้าวัด
ร.ต.อ.มานพ รอยประโคน รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองบุรีรัมย์ รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถชนกัน3คันซ้อน บนถนนสายบุรีรัมย์ – สตึก บริเวณบ้านไผ่ ต.บัวทอง อ.เมือง จึงได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุซึ่งเป็นจุดกลับรถใกล้กับวัดหนองบัวทอง พบรถยนต์ชนกัน3คันซ้อนสภาพพังเสียหาย คือ รถกระบะมิตซูบิชิ สีแดง ทะเบียน บน-7534บุรีรัมย์ อยู่ในสภาพล้อด้านหน้าทั้งสองข้างปีนขึ้นไปบนเกาะกลางถนน ซึ่งมีเจ้าอาวาสวัดดังแห่งหนึ่งชื่อว่าหลวงพ่อปทุมเป็นคนขับ แต่หลังเกิดเหตุได้หลบหนีเข้าไปในวัดไม่มาให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ใกล้กันมีรถกระบะอีซูซุ ดีแม็ค สีเขียว ทะเบียน บฉ-6493มหาสารคาม และคันที่3คือรถกระบะ โตโยตา วีโก้ สีบอร์น ทะเบียน บม-1435ฉะเชิงเทรา อยู่ในสภาพพุ่งอัดก๊อปปี้ข้างรถมิตซูบิชิ ที่เจ้าอาวาสเป็นคนขับ
จากการสอบถามนายโชตเตชิน ปิดตานะ อายุ49ปี คนขับรถยนต์วีโก้ เล่าว่า ได้ขับรถมาจากบ้านที่ จ.มหาสารคาม เพื่อจะไปทำงานในตัวเมืองบุรีรัมย์ แต่พอถึงจุดเกิดเหตุรถกระบะมิตซูบิชิ ซึ่งบรรทุกทรายมาท้ายกระบะด้วย ได้ขับพุ่งออกมาจากซอยข้างวัดซึ่งอยู่ติดถนน แล้วเข้าเลนในทันทีเพื่อกลับรถโดยไม่ระวัง ทำให้รถของตนเองซึ่งขับมาทางตรงพยายามหักหลบแต่ไม่พ้น ชนบริเวณท้ายรถกระบะ แล้วเสียหลักเหวี่ยงตกลงข้างทาง จากนั้นก็มีรถยนต์วีโก้ ที่ขับมาตามหลังอีกคันเบรกไม่ทันพุ่งชนซ้ำอีกเป็น3คันซ้อน แต่โชคดีที่เหตุการณ์ดังกล่าวไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต มีเพียงรถพังเสียหายทั้ง3คัน แต่ที่สร้างความตกใจให้กับผู้ประสบอุบัติเหตุ เมื่อเห็นคนขับที่ลงมาจากรถกระบะมิตซูบิชิ เป็นพระเมื่อสอบถามก็ทราบว่าเป็นเจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งใกล้กับจุดเกิดเหตุ ซึ่งหลังจากเกิดเหตุก็ได้หลบเข้าไปในวัดทันที ยังไม่มาให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มาตรวจสอบจุดเกิดเหตุ
อย่างไรก็ตามหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบ และเก็บหลักฐานที่เกิดเหตุแล้ว ก็จะได้เรียกคู่กรณีทั้ง3คัน มาสอบสวนถึงสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุที่ สภ.เมืองบุรีรัมย์อีกครั้ง ส่วนกรณีที่ผู้ประสบเหตุระบุว่าเจ้าอาวาสเป็นคนขับรถยนต์คันต้นเหตุที่พุ่งออกมาจากซอยข้างวัดโดยไม่ระวัง จนทำให้เกิดอุบัติเหตุชน3คันซ้อนนั้น ก็จะได้นิมนต์หลวงพ่อมาสอบปากคำเช่นกัน และหากพบว่าใครขับรถด้วยความประมาทก็ต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนกรณีที่เป็นพระแล้วขับรถเองนั้นจะผิดพระธรรมวินัยหรือไม่นั้น ก็เป็นเรื่องของสงฆ์ที่จะพิจารณา