'รมว.พลังงาน' ยันรัฐไม่มีนโยบายลดบทบาท 'ปตท.-กฟผ.'

'รมว.พลังงาน' ยันรัฐไม่มีนโยบายลดบทบาท 'ปตท.-กฟผ.'

"รมว.พลังงาน" ยันรัฐบาลไม่มีนโยบายลดบทบาท "ปตท. - กฟผ." แต่เน้นให้ 2 หน่วยงานมีหน้าที่รักษาและเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน

นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวปฏิเสธกรณีมีข่าวแพร่สะพัดในโซเชียล มีเดีย ว่า รัฐบาลมีนโยบายลดบทบาท ปตท. และ กฟผ. โดยยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้มีนโยบายลดบทบาททั้งสองหน่วยงานแต่อย่างใด และอยากให้เข้าใจว่า บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็นรัฐวิสาหกิจที่มีบทบาทสำคัญต่อความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ ซึ่งรัฐบาลมีนโยบายมอบหมายให้รัฐวิสาหกิจท้ัง 2 หน่วยงาน ยังต้องมีบทบาทและหน้าที่ร่วมกันรักษาและเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศอย่างต่อเนื่อง

ส่วนโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานที่สาคัญต่อความมั่นคง ซึ่งได้แก่ ท่อส่งก๊าซ สายส่งไฟฟ้า รวมทั้งสถานี LNG และโรงไฟฟ้าหลักที่จำเป็นในการสร้างเสถียรภาพของระบบไฟฟ้าทั้งประเทศ จะยังคงอยู่ภายใต้การบริหารจัดการของรัฐวิสาหกิจทั้ง 2 หน่วยงาน

ขณะเดียวกัน บทบาทการผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าหลักของ กฟผ. และการจัดหาก๊าซธรรมชาติที่จำเป็นต่อความมั่นคงโดย ปตท. เป็นหน้าที่สำคัญที่ท้ัง กฟผ. และ ปตท. ต้องร่วมมือกันเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศอย่างต่อเนื่อง

ส่วนการผลิตไฟฟ้าและการจัดหาก๊าซธรรมชาติที่นอกเหนือจากที่จำเป็นสำหรับความมั่นคงแล้วเปิดให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมในระบบที่มีการแข่งขัน โดยให้ทั้ง 2 หน่วยงาน ปตท. และ กฟผ. สามารถร่วมแข่งขันด้วยได้ ในพื้นฐานเท่าเทียมกัน โดยจัดให้มีการใช้ประโยชน์โครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานอย่างเป็นธรรม

นอกจากนี้ สัดส่วนการผลิตไฟฟ้าหลักของ กฟผ. และการจัดหาก๊าซธรรมชาติที่จำเป็นต่อความมั่นคงโดย ปตท. ที่เหมาะสมให้เป็นไปตามผลของการศึกษาที่จะมีการดำเนินการต่อไป

ส่วนย่อยโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ เช่น สถานี LNG ที่จะเป็นการลงทุนของ ปตท.และ กฟผ. หรือโดยภาคเอกชน จะต้องเป็นการพิจารณาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด และต้องทำการศึกษาอย่างรอบคอบเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ

สำหรับการบริหารจัดการภายในของ กฟผ. และ ปตท. เพื่อรองรับบทบาทหน้าที่ด้านความมั่นคงของระบบพลังงานของประเทศ จะมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอย่างไร ขอให้ท่านผู้บริหารสูงสุดของท้ัง 2 หน่วยงาน ได้ชี้แจงเพิ่มเติม

ทั้งนี้ หากจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ จะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ โดยให้ความสำคัญต่ออนาคตในหน้าที่การงานของเจ้าหน้าที่ของหน่วยงาน