ธกส.อุดรธานี เปิดโรงเรียนอ้อย เพิ่มผลผลิตให้ชาวไร่อ้อยบ้านผือ
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 15 มกราคม 61 นายมงคล พรงาม รอง ผอ.ฝ่ายกิจการสาขาภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ธกส.เป็นประธานพิธีเปิดโครงการ “โรงเรียนเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอ้อย” ที่ชุมชนบ้านนาเตย หมู่ 10 ต.โนนทอง อ.บ้านผือ เพื่อให้ชาวไร่อ้อย เพิ่มผลผลิตอ้อยต่อไร่เพิ่มมากขึ้น โดยมีชาวไร่อ้อย ในเขตพื้นที่ อ.บ้านผือ น้ำโสม นายูง กว่า 100 คน เข้าร่วมโครงการ
พร้อมกันนี้ทาง ธกส.ยังได้ลงนามร่วมกัน บันทึกข้อตกลงความร่วมมือ การส่งเสริมการปลูกอ้อยและการส่งผลการผลิตอ้อยเข้าสู่โรงงาน ระหว่าง ธกส.อุดรธานี กับ บริษัทน้ำตาลไทยอุดรธานั จำกัด และ สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธกส.อุดรธานี จำกัด และยังนำอุปกรณ์เครื่องจักรจากบริษัทต่าง ๆ ที่ใช้ในการปลูกอ้อย ตัดอ้อย มานำสาธิตการใช้งาน ที่จะเป็นการลดต้นทุนจากปลูก-ตัดอ้อย เพื่อแก้ปัญหาแรงงานอ้อยที่กำลังขาดแคลน
นายมงคล พรงาม รอง ผอ.ฝ่ายกิจการสาขาภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ธกส.เปิดเผยว่า ทาง ธกส.เป็นธนาคารที่ได้รับบทบาทเป็นธนาคารเพื่อการพัฒนาชนบท เป็นศูนย์กลางทางการเงินภาคเกษตรกรรม และชนบท สนับสนุนให้เกษตรกรและชุมชน ได้เข้าถึงแหล่งเงินทุน และมีความรู้ เพื่อพัฒนาผลผลิต การรวบรวมผลผลิต การแปรรูป และการตลาด ตลอดจนห่วงโซ่อุปทาน เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเกษตรกร และชุมชน
“อุดรธานี มีพื้นที่ปลูกอ้อยประมาณ 650,000 ไร่ มีโรงานน้ำตาล 4 โรง มีเกษตรผู้ปลูกอ้อยที่เป็นรายย่อยประมาณ 12,000 ครัวเรือน ซึ่งผลผลิตต่อไร่ 10-12 ตัน โดยมีต้นทุนการผลิตที่สูง แต่ผลผลิตต่อไร่ต่ำ และไม่มีโควต้าเป็นของตัวเอง ทำให้มีผลกระทบต่อรายได้ที่ไม่มั่นคง ทาง ธกส.ได้เข้ามาทำงานร่วมกับหน่วยงานราชการ ภาคเอกชน สถาบันเกษตรกร และชุมชน ในรูปแบบประชารัฐ เพื่อพัฒนาการผลิตอ้อย โดยได้ร่วมกันสนับสนุนการจัดตั้ง โรงเรียนเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอ้อยขึ้น ที่ชุมชนบ้านนาเตยแห่งนี้ สำหรับเป็นแหล่งรียนรู้ให้กับชาวไรอ้อย”
นายมงคล ยังกล่าวอีกว่า พร้อมกันนี้ด้านการตลาด ทาง ธกส.ได้ร่วมกับโรงงานน้ำตาลไทยอุดรบ้านผือ สนับสนุนให้ชุมชนรอบ ๆ โรงงาน รัศมีประมาณ 50 กม.จัดตั้งลานอ้อยชุมชนขึ้น เพื่อทำหน้าที่เป็นจุดรวบรวมอ้อยส่งยังโรงงานน้ำตาล ในโควต้าของสหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธกส.อุดรธานี จำกัด ทำให้เกษตรกรรายย่อย สามารถนำอ้อยส่งโรงงานในราคาที่เป็นธรรม ได้รับเงินรวดเร็ว ไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบจากเจ้าของโควต้า เช่นต้องขายเขียว ขายเหมาสวน หรือขายบิล พร้อมทั้งยังได้รับผลประโยชน์อย่างอื่นเพิ่ม เช่น ค่าความหวานอ้อยเพิ่ม (CCS) ค่าความเก่ง ค่าอ้อยสะอาดไม่เผา เงินเบื้องสุดท้ายจากการขายน้ำตาลทราย ให้ตกถึงมือเกษตรกรและชุมชน อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย
“ใน จ.อุดรธานี ได้กำหนดเป้าหมาย เพื่อดำเนินการจำนวน 40 ชุมชน ครอบคลุมเกษตรกรผู้ปลูกอ้อย 2,500 ครัวเรือน ปริมาณอ้อยประมาณ 100,000-120,000 ตัน โดยจะสามารถเพิ่มผลผลิตต่อไร่จากเดิมประมาณไร่ละ 10 ตัน เป็น 15 ตัน
เพิ่มรายได้ให้เกษตรกรตันละ 300 บาท เป็นเงินเพิ่มขึ้นประมาณ 30 ล้านบาท”นายมงคล กล่าว