สืบทองหล่อหิ้ว “ตี๋” มือฆ่าสาวเสิร์ฟร้านซอยคาวบอยทำแผน รับหึงหวงก่อนใช้เสื้อรัดคอจนตาย
จากกรณีน.ส.ศรัณญา รัตนเพชร หรือน.ส.มิ่งขวัญ อายุ 27 ปี อาชีพพนักงานเสิร์ฟร้านบาร์แห่งหนึ่งภายในซอยคาวบอย ย่านทองหล่อ ถูกคนร้ายฆ่ารัดคอเสียชีวิตในห้องน้ำบริเวณชั้นที่ 3 อาคารพาณิชย์ ตั้งอยู่ภายในซอยสุขุมวิท 23 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม. เหตุเกิดเมื่อวันที่ 11 ม.ค. ที่ผ่านมา จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ได้รวบรวมพยานหลักฐานจนนำไปสู่การจับกุมแฟนหนุ่มทราบชื่อต่อมาคือนายนภดล หรือตี๋ สิงหาโชติ อายุ 22 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.14/2561 ลงวันที่ 11 มกราคม 2561 ในข้อหาฆ่าผู้อื่น โดยสามารถควบคุมตัวได้ที่อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 13 ม.ค. ที่ผ่านมา
ล่าสุดเมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 14 ม.ค. พ.ต.อ.อัศวยุทธ นุชพุ่ม รอง ผบก.น.5 พร้อมด้วยพ.ต.อ.ขจรพงศ์ จิตต์ภาคภูมิ ผกก.สน.ทองหล่อ พ.ต.ท.จิรกฤต จารุนภัทร์ รอง ผกก.สส.สน.ทองหล่อ พ.ต.ต.ทองเปลว หาญไพบูลย์ สว.สส.สน.ทองหล่อ ร่วมกันนำกำลังตำรวจ ฝ่ายสืบสวน สน.ทองหล่อ ควบคุมตัวนายนภดล พร้อมของกลางประกอบด้วยหมวกแก๊ป เสื้อ กางเกงยีนส์ และรองเท้าผ้าใบ ที่ผู้ต้องหาสวมใส่ในวันก่อเหตุ มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพภายในสถานที่เกิดเหตุโดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที โดยมีกลุ่มไทยมุงต่างด่าทอและสาปแช่งเป็นระยะๆ
ด้านนายนภดล รับสารภาพว่า ตนเป็นผู้ลงมือก่อเหตุจริง ซึ่งตนและผู้ตายมีความสัมพันธ์อยู่กินฉันท์สามีภรรยามานานกว่า 5 ปี ซึ่งจดทะเบียนสมรสกัน โดยก่อนเกิดเหตุตนมานอนรอแฟนสาวภายในห้องพักบริเวณชั้น 3 จนกระทั่งแฟนสาวกลับมาจากที่ทำงานพร้อมซื้ออาหารมาให้ จนเกิดมีปากเสียงเกี่ยวกับเรื่องเงิน และเรื่องหึงหวงที่ผู้ตายอ้างว่ามีชายหนุ่มมาติดพัน อีกทั้งแฟนสาวยังขอเลิกพร้อมทั้งบอกว่ามีแฟนใหม่จนนำไปสู่การทะเลาะเบาะแว้งเป็นเหตุให้ตนเกิดบันดาลโทสะใช้ไม้ตีที่ศรีษะ ก่อนใช้มือบีบคอแฟนสาวจนลิ้นจุกปากและปัสสาวะราด เมื่อแน่ชัดว่านอนแน่นิ่งจึงลากร่างเข้าไปยังห้องน้ำก่อนใช้เสื้อรัดคอจนแน่ใจว่าเสียชีวิตแล้ว จากนั้นตนยังนำทรัพย์สินของมีค่าของผู้ตายไปประกอบด้วยโทรศัพท์มือถือ บัตรเอทีเอ็ม และสมุดบัญชีธนาคาร ส่วนกระเป๋าสตางค์ได้นำไปทิ้งที่ถังขยะซึ่งตั้งอยู่ภายในซอยใกล้กับจุดเกิดเหตุ ก่อนหลบหนีไปอยู่บ้านพักเลขที่ 384 หมู่ที่ 2 ต.หนองพลับ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ จนกระทั่งมาถูกทางเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมได้ดังกล่าว
อย่างไรก็ตามทางตำรวจต้องรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นจะนำตัวเตรียมส่งฝากขังศาลอาญากรุงเทพใต้ในวันพรุ่งนี้เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป