รถตู้ขนแรงงานต่างด้าว แซงมรณะเสยท้ายบรรทุกดับ1 เจ็บ9

รถตู้ขนแรงงานต่างด้าว แซงมรณะเสยท้ายบรรทุกดับ1 เจ็บ9

รถตู้ขนแรงงานต่างด้าวจากเมืองชลบุรีจะไปต่ออายุบัตรผ่านแดน ซิ่งแซงมรณะเสยท้ายรถบรรทุกน้ำมัน ตายคาที่ 1 บาดเจ็บ 9 

วันที่ 9 ม.ค.61 เวลา 10.00 น. ร.ต.อ.สมัย สุดาชาติ รองสารวัตรสอบสวนเวร สภ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ได้รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุ มีรถตู้บรรทุกผู้โดยสารแบบไม่ประจำทาง พุ่งเข้าชนที่ท้ายรถบรรทุกน้ำมันจนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิตในที่เกิดเหตุจำนวนหลายราย เหตุเกิดที่บริเวณทาง 5 แยกธงชัย หรือแยกหัวสำโรง ก่อนถึงสี่แยกทางเข้านิคมอุตสาหกรรมเกตเวย์ ซิตี้ ประมาณ 1 กม. ด้านฝั่งขาออก ถนนสาย 331 หลัก กม.ที่ 114 500 พื้นที่ ม.9 ต.หัวสำโรง องแปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา จึงเดินทางไปสอบสวนยังในที่เกิดเหตุ


ที่เกิดเหตุพบรถยนต์บรรทุกสิบล้อบรรทุกน้ำมันคันสีขาว ตัวถังบรรจุน้ำมันสีเงิน ยี่ห้ออีซูซุ คันหมายเลขทะเบียน 72-7225 ชลบุรี จอดอยู่บนไหล่ทางด้านซ้ายสุด โดยมีรถยนต์แบบตู้โดยสารสีขาว ยี่ห้อโตโยต้า หมายเลขทะเบียน 30-0327 สระแก้ว จอดอยู่ในลักษณะของหัวเก๋งด้านซ้ายพุ่งชนยุบเข้าไปยังขอบหัวมุมของถังน้ำมันและตัวรถ ทำให้มีผู้โดยสารที่นั่งอยู่บนเบาะหน้าด้านซ้ายข้างคนขับ เสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ ทราบชื่อต่อมาคือ นายเฉลิมศักดิ์ สภาภักดิ์ อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 67/260 ม.5 ต.พันท้ายนรสิงห์ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร



ทราบชื่อคนขับรถตู้ คือ นายพงศธร เอี่ยมเย็น อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 12 ซ.ศรีชัย ต.วัดสิงห์ อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท ซึ่งไม่ได้รับบาดเจ็บแอย่างใด ส่วนผู้โดยสารที่นั่งรวมกันมาในรถจำนวน 10 คนนั้น ได้รับบาดเจ็บจำนวน 9 คน โดยมีอาการสาหัส 2 คน เป็นเด็กชายวัย 4 ขวบ 1 คน และหญิงชรา 1 คน ถูกส่งต่อเข้ามาทำการรักษาตัวยังที่ รพ.พุทธโสธร



จากการสอบสวน นายสมบัติ บุญดีรัตน์ อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 76/1 ม.5 ต.เขาไม้แก้ว อ.บางละมุง จ.ชลบุรี คนขับรถบรรทุกน้ำมัน ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุได้ขับรถบรรทุกน้ำมันออกมาจาก อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เพื่อที่จะนำส่งให้ยังปั้มน้ำมันใน จ.นครพนม โดยภายในรถ บรรทุกน้ำมันดีเซลมาจำนวน 6,000 ลิตร และบรรทุกน้ำมัน ก๊าซโซฮอล์ 95 มาอีก 14,000 ลิตร



เมื่อถึงตรงบริเวณทางแยกไฟหัวสำโรง จึงได้หยุรถเพื่อรอสัญญาณไฟเขียว ซึ่งในขณะนั้นมีรถรอติดไฟแดงอยู่จำนวน 3 คันเท่านั้น โดยมีรถตำรวจทางหลวงจอดติดสัญญาณไฟด้วยกัน 1 คัน และรถชาวบ้านอีก 1 คัน แต่หลังจากขับรถออกตัวมาจากการติดรอสัญญาณไฟได้ไม่นาน จึงได้มีรถยนต์ตู้วิ่งมาด้วยความเร็วเนื่องจากเป็นช่วงสัญญาณไฟเขียวพอดี ก่อนที่จะพุ่งชนที่ด้านท้ายรถของตนขึ้น และตนยังเห็นผ่านกระจกมองหลังด้วยว่า คนขับรถตู้นั้นรู้ตัวว่าจะชนท้ายรถของตนด้วย จึงได้พยายามที่จะโยกหักตัวรถหลบออกมาทางขวาแต่ไม่พ้นจึงเกิดอุบัติเหตุพุ่งชนท้ายดังกล่าว



ด้าน ร.ต.อ.สมัย กล่าวว่า จากการสอบสวนเบื้องต้น สาเหตุของอุบัติเหตุในครั้งนี้ ทราบว่าคนขับรถตู้ขับมาด้วยความเร็ว ก่อนที่จะพยายามขับผ่านสัญญาณไฟให้ทัน จากนั้นจึงได้โยกรถแซงรถคันที่ขับขวางอยู่ด้านหน้าออกไปทางซ้าย ก่อนที่จะขับปราดแซงหน้ารถคันหลังที่แซงได้แล้วไปทางขวา แต่แซงออกไม่พ้นจึงพุ่งชนท้ายของรถบรรทุกน้ำมันในครั้งนี้ ร.ต.อ.สมัย กล่าว



ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในขณะที่เจ้าหน้าที่อาสาสมัครกู้ภัยพนมสารคามและผู้ที่เกี่ยวข้องกำลังพยายามช่วยเหลือคนเจ็บ และกู้ซากรถออกจากจุดเกิดเหตุนั้น ได้มีน้ำมันไหลลงมานองอยู่เต็มพื้นถนนอยู่ตลอดเวลา จึงต้องมีการเตรียมนำเอาถังดับเพลิงเคมี พร้อมรถน้ำดับเพลิงจากเทศบาลตำบลทุ่งสะเดา และเทศบาลตำบลหัวสำโรง จำนวน 2 คัน ออกมาเตรียมความพร้อมเอาไว้ในที่เกิดเหตุด้วย ก่อนที่จะทำการเก็บกู้ได้จนแล้วเสร็จ เนื่องจากภายในรถตู้คันนี้ มีการติดตั้งแก๊สซีเอ็นจี หรือ NGV เอาไว้ด้วย