Wakkanai มนต์เสน่ห์ในดินแดนเหนือสุดแห่งเกาะฮอกไกโด (ตอน 2)
ตามล่าไข่หอยเม่น ชมความน่ารักแมวน้ำลายจุด เดินเล่นบนแหลมเย้ยฟ้า นอนโรงแรมเรียวกัง
อิ่มเอมกับอาหารไคเซกิ สัมผัสประสบการณ์ออนเซ็น
ตั้งอยู่ในทะเลญี่ปุ่นทางทิศตะวันตกของเกาะใหญ่ฮอกไกโด ยังมีความงดงามทางธรรมชาติและอีกหนึ่งสุดยอดความอร่อยที่ได้รับการเปรียบเทียบว่าเป็นเสมือน ’ทองคำ’ ของวัตถุดิบอาหารญี่ปุ่น รอต้อนรับนักเดินทางอยู่ที่เกาะ ริชิริ (Rishiri Island) และเกาะ เระบุน (Rebun Island)
++ ข้ามทะเลกับ Heart Land Ferry ++
การเดินทางจากเมืองวักกะไน(Wakkanai)บนเกาะฮอกไกโดไปยังเกาะริชิริและเกาะเระบุน มีเรือเฟอร์รี่ขนาดใหญ่ของ บริษัทฮาร์ตแลนด์เฟอร์รี่ (Heart Land Ferry) ให้บริการนักท่องเที่ยวด้วยความทันสมัยและสะดวกสบายตั้งแต่สถานีบริการที่ท่าเรือ ซึ่งเป็นอาคารขนาดใหญ่ในลักษณะเทอร์มินัล
ชั้นล่างเทอร์มินัลของบริษัทเรือฮาร์ตแลนด์เฟอรี่ท่าเรือเมืองวักกะไน มีเคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋ว, (ขวาบนสุด) ตั๋วโดยสารอิเล็กทรอนิกส์ ใช้เครื่องสแกนก่อนขึ้นเรือ และแจ้งการเดินทาง 3 เที่ยวในตั๋วใบเดียวกัน ประหยัดทรัพยากรแบบญี่ปุ่น, ตุ๊กตาสัตว์ประจำถิ่นฮอกไกโดในร้านขายสินค้าที่ระลึก, (แถวล่างจากซ้าย) แยกประเภทขยะละเอียดยิบ, วักกะไนอยากรู้ว่าคุณมาไกลแค่ไหน เมื่อซื้อตั๋ว นักท่องเที่ยวจะได้รับติดสติกเกอร์ให้มาติดบนแผนที่, ห้องล็อคเกอร์ฝากของ
อาคารเทอร์มินัลชั้นล่างเป็นที่จำหน่ายตั๋ว มีทั้งแบบเครื่องซื้อตั๋วอัตโนมัติและเคาน์เตอร์บริการ มีห้องล็อคเกอร์ให้เช่า ห้องน้ำ และร้านจำหน่ายสินค้าที่ระลึก
อาคารชั้นบนจัดแบ่งพื้นที่เป็นเก้าอี้สำหรับนั่งรอขึ้นเรือ ห้องพักผ่อนรวมขนาดใหญ่ที่มีเก้าอี้นอนและมีความเป็นส่วนตัวพอประมาณ
ทางเดินขึ้นเรือจากอาคารมีลักษณะคล้าย ‘งวงเครื่องบิน’ แต่กว้างกว่า มีทางลาดสำหรับผู้นั่งเก้าอี้รถเข็น
ลักษณะที่นั่งภายในฮาร์ตแลนด์เฟอร์รี่, (ซ้าย)ชั้นเฟิร์สคลาส,(บนขวา) ที่นั่งกึ่งนอนสไตล์ญี่ปุ่น, ที่นั่งแบบเก้าอี้ท้ายเรือรับลมทะเล
บนเรือออกแบบพื้นที่นั่งตามราคาตั๋ว มีทั้งแบบ นั่งเก้าอี้รับลมชมวิวท้ายเรือ ฤดูร้อนชาวญี่ปุ่นชอบพื้นที่นี้มาก ได้สัมผัสลมทะเลธรรมชาติเย็นสบาย เพราะอุณหภูมิเฉลี่ยฤดูร้อนฮอกไกโดอยู่ที่ 20 องศาเซลเซียสต้นๆ เท่านั้นเอง แถมยังมีโอกาสเห็นวาฬและโลมา
ถัดเข้ามาในลำเรือ ไม่มีเก้าอี้ แต่จะเป็นพื้นที่แบบนั่งพื้นเหยียดขาตามแบบฉบับชาวญี่ปุ่น หรือจะล้มตัวลงนอนบริเวณนี้ก็ได้ หรือถ้าไม่อยากให้ใครเห็นเวลานอนเหยียดยาวบนพื้น ก็มีห้องที่เป็นสัดส่วนขึ้น และแบบสุดท้ายคือ ห้องเฟิร์สคลาส บริการด้วยเก้าอี้นวมขนาดใหญ่และปรับเอนนอนได้
ใต้ท้องเรือเป็นพื้นที่สำหรับรถยนต์ประเภทต่างๆ ที่ต้องการข้ามจากวักกะไนไปยังเกาะริชิริและเระบุน มีตั้งแต่รถมอเตอร์ไซด์ไปจนถึงรถบัสและรถเกี่ยวกับการก่อสร้าง
ญี่ปุ่นเต็มไปด้วยของอร่อย โดยเฉพาะฮอกไกโดที่คนไทยคุ้นเคยกับความอร่อยของ ‘นมฮอกไกโด’
ไอศกรีมนมฮอกไกโดรสเกลือ รสช็อกโกแลต รสชาเขียว 280 เยน/กระปุก และนมฮอกไกโด
ใครมีโอกาสขึ้นเรือฮาร์ตแลนด์เฟอร์รี่ แนะนำให้ตรงไปที่ร้านค้าบนเรือ คุณจะได้ชิม นมสดฮอกไกโด ในราคาขวดละ 160 เยน หรือประมาณ 50 บาท และชิ้นเอ็กซ์คลูซีพที่มีเฉพาะวักกะไนคือ ไอศกรีมนมฮอกไกโด รสเกลือ อย่างที่นักชิมนักทำอาหารยอมรับว่าเกลือที่ได้จากน้ำทะเลที่มีความเย็นจัดและในพื้นที่ที่มีแร่ธาตุดี ในรสเค็มของเกลือสมุทรจะมีความหวานปน และเป็นเกลือที่ดีต่อสุขภาพเนื่องจากผลิตด้วยกรรมวิธีธรรมชาติไม่ผ่านกระบวนการสังเคราะห์ นอกจากไอศกรีมรสเกลือ ก็ยังมีรสชาเขียวและรสช็อกโกแลตให้เลือก
++ เกาะริชิริ : ชิมไข่หอยเม่นสดจากหอย ++
เกือบๆ 2 ชั่วโมง ฮาร์ตแลนด์เฟอร์รี่ก็เทียบท่าโอชิโดมะริ (Oshidomari Port)ของ เกาะริชิริ เกาะแห่งนี้เดิมคือภูเขาไฟและระเบิดเมื่อ 1,000 ปีก่อน ยอดเขาสูงสุดตั้งอยู่กลางเกาะ มีความสูง 1,721 เมตร ช่วงฤดูหนาว หิมะปกคลุมตั้งแต่ยอดเรื่อยลงมาถึงเชิงเขาอย่างสวยงาม ขนมญี่ปุ่นยี่ห้อหนึ่งนำภาพยอดเขาริชิริที่มีหิมะปกคลุมไปเป็นภาพโลโก้บนบรรจุภัณฑ์ นักชิมขนมเห็นคงร้องอ๋อ
ภาพหิมะปกคลุมยอดเขาริชิริ
เกาะริชิริมีถนนตัดผ่านโดยรอบ 63 กิโลเมตร มีจุดท่องเที่ยวให้แวะมากมาย มีเส้นทางปั่นจักรยานเที่ยว ตอนนั่งเรือเฟอร์รี่มาเห็นวัยรุ่นญี่ปุ่นสะพายถุงจักรยานพับมากันสี่-ห้าคน
จุดแรกที่ไม่ควรพลาดชมคือ สวนกามุอิ ไกคัง (Kamui Kaigan Park) บริเวณนี้มีประสบการณ์ใหม่ๆ ที่นักชิมคงไม่มีวันลืม นั่นก็คือกิจกรรม Uni Hunting Tour หรือตามล่าไข่หอยเม่น สุดยอดวัตถุดิบอาหารญี่ปุ่นที่รสชาติล้ำค่าดุจทองคำ
กิจกรรม Uni Hunting Tour ราคา 1,000 เยน/หอยเม่น 1 ตัว ที่สวน Kamui Kaigan
ลงจากรถ มองลงไปเห็นเรือลำเล็กๆ เทียบท่า ทีแรกคิดว่าต้องนั่งเรือออกทะเลไปจับหอยเม่น แต่จริงๆ เราแค่ลงไปในเรือนั้นแล้วใช้สวิงด้ามยาวเลือกตักหอยเม่นที่เกาะกันอยู่ตามพื้นทะเล หลักการเหมือนตักหอยเชลล์ เลือกตัวโตที่สุด น้ำทะเลใสจนมองเห็นหอยเม่น แต่เพื่อความชัดเจน(ไม่พลาดตัวโต) ก็มีอุปกรณ์ขยายภาพใต้น้ำให้ใช้ประกอบการตัก
จากนั้นเจ้าหน้าที่จะสอนและสาธิตวิธีการนำไข่หอยเม่นออกจากตัวหอย โดยใช้อุปกรณ์ที่มีลักษณะเหมือนคีม จรดปากคีมลงตรงยอดแหลมกลางตัวหอยเม่น กดปากคีมให้ทะลุเปลือกหอยลงไปประมาณ 1 เซนติเมตร คีมชนิดนี้พอบีบด้ามคีมเข้าหากัน ปากคีมจะทำหน้าที่ถ่างเปลือกหอยให้แยกออกจากกัน แล้วใช้อุปกรณ์อีกชนิดที่มีปากแบนๆ ค่อยๆ แซะระโยงระยางที่ยึดไข่หอยเม่นให้หลุดจากเปลือกหอย อย่าแซะเฉพาะไข่หอยเม่น เพราะจะทำให้ไข่หอยเม่นแตกเละไม่เป็นชิ้น เมื่อแซะระยางหลุดจากเปลือกหอยแล้ว เทไข่หอยเม่นลงในกระจาดพลาสสิก แล้วนำไปล้างด้วยน้ำสะอาด ไข่หอยเม่นก็จะหลุดออกจากระยางพร้อมสำหรับการชิมสดๆ จากตัวหอยกันเลย
หอยเม่นที่ฮอกไกโดเป็นพันธุ์ มุราซากิ (Murasaki) ไข่หอยเม่นชนิดนี้ ‘ไม่ครีมมี่มาก’ ไม่ข้นคลั่กจนรู้สึกคาวในปาก แต่จะครีมมี่เบาๆ ให้รู้ว่านี่คือไข่หอยเม่น ที่สำคัญไม่มีกลิ่นคาวเลย ไม่ต้องจิ้มโชยุด้วยซ้ำ คลุกข้าวกินก็จะได้ข้าวญี่ปุ่นที่นุ่มเหนียวและ ‘มัน’ อร่อยอีกแบบ
ชาวประมงที่ฮอกไกโดขายไข่หอยเม่นชนิดนี้ตามน้ำหนัก ราคา 2,400-5,000 เยน/100 กรัม เนื่องจากไม่สามารถจับได้ตลอดทั้งปี
จุดท่องเที่ยวต่อไปที่มีโอกาสแวะ คือ สวนเซนโปชิมิซากิ (Senpoushimisaki Park) ตรงนี้มีสวนดอกไม้และกิจกรรมชวนหลงใหลไปกับความน่ารักของ แมวน้ำลายจุด ที่เมืองวักกะไนเลือกมาเป็นแมสคอตการท่องเที่ยวประจำเมือง นั่นก็คือการโยนปลาเป็นอาหารให้กับเจ้าแมวน้ำลายจุด 2 ตัวที่ว่ายวนมาทันทีที่เห็นพวกเราเดินมา
แมวน้ำลายจุดที่เกาะริชิริ
ชาวเกาะริชิริเลี้ยงแมวน้ำลายจุดสองตัวนี้ไว้ในที่กั้นในทะเล เนื่องจากพวกมันหากินอยู่ในทะเล รวมกลุ่มอยู่ตามเกาะแก่งกลางทะเลที่ชาวประมงแล่นเรือผ่านไป มีอยู่เป็นจำนวนมากก็จริง แต่นักท่องเที่ยวไม่เห็นได้ง่ายๆ ถ้าไม่ได้ออกไปในทะเล ชาวเกาะจึงนำมาเลี้ยงไว้ให้ชมความน่ารักอย่างใกล้ชิด
สถานที่ถ่ายรูปที่ไม่ควรพลาดอีกแห่งบนเกาะริชิริอยู่ที่ บึงโอตาโตะมะริ (Otatomari Marsh) เดินไปที่สะพานไม้ที่สร้างยื่นเข้าไปในบึงน้ำ จุดนี้คือตำแหน่งถ่ายรูปยอดเขาริชิริได้สวยงามเต็มตาที่สุด เป็นจุดเดียวกับที่บริษัทขนมมาถ่ายรูปยอดเขาไปเป็นโลโก้นั่นเอง ในวันอากาศดี สามารถเห็นภาพยอดเขาริชิริสะท้อนอยู่บนผิวน้ำที่ใสและนิ่งสนิทในบึงราวยอดเขาริชิริส่องกระจก
บึงโอตาโตะมะริ(Otatomari Marsh)บนเกาะริชิริ ท่ามกลางสายฝนต้นเดือนกันยายน เมฆฝนบดบังยอดเขาริชิริ โรแมนติกอีกแบบ
เกาะริชิริยังมีจุดท่องเที่ยวอีกหลายจุด แต่ใกล้เที่ยงเต็มที ได้เวลากลับไปยังท่าเรือหน้าเกาะเพื่อขึ้นเฟอร์รี่เดินทางต่อไปยังเกาะเระบุน
มื้อเที่ยงวันนั้นฝากท้องไว้ที่ร้าน มารุเซน เซียวคุโด (Maruzen Syokudou) ตั้งอยู่บนชั้นสองภายในเทอร์มินัลของฮาร์ตแลนด์เฟอรี่ เมนูเด็ดคือ ราเมงน้ำซุปเกลือ เส้นราเมงเหนียวนุ่มอร่อยไม่ผิดหวัง หมูอบชาชูครบเครื่อง ที่สำคัญได้ชิมสาหร่ายริชิริที่ใส่มาในชามอีกด้วย ราคาชามละ 1,000 เยน ชามโตอิ่มแปล้ไปเลย
ราเมงน้ำซุปเกลือ ใส่สาหร่ายริชิริ ช้อนออกแบบให้พักไว้ที่ขอบชามได้ด้วย, ร้านมารุเซน เซียวคุโด
ร้านมารุเซน เซียวคุโด
++ เกาะเระบุน : แหลมเย้ยฟ้า ++
เกาะเระบุนอยู่ห่างจากเกาะริชิริ 19 กิโลเมตร ไม่ถึงชั่วโมงฮาร์ตแลนด์เฟอร์รี่ก็เทียบที่ท่าเรือกาฟุกะ (Kafuka Port) ท่าเรือประจำเกาะ
เกาะแห่งนี้ได้รับการประกาศให้เป็นอุทยานแห่งชาติเช่นเดียวกับเกาะริชิริ ความงามที่สร้างความประทับใจนักท่องเที่ยวคือภาพทุ่งหญ้าเขียวขจีบนเนินผาริมทะเลที่กว้างสุดสายตา และดอกไม้นานาชนิดซึ่งเป็นดอกไม้ป่ากว่า 60 ชนิดที่พบได้เฉพาะบนภูเขาที่มีความสูงระดับอัลไพน์ คือทั้งสูงและอากาศหนาวรุนแรง
อะสึมง (Atsumon) แมสคอตประจำเกาะเระบุน ถอดแบบมาจาก เระบุน อะสึโมะริ-โซ(Rebun Atsumori-sou) ดอกกล้วยไม้สีขาวสกุลรองเท้านารีบนเกาะเระบุนซึ่งกำลังเสี่ยงสูญพันธุ์
เดือนเมษายนถึงกลางเดือนกันยายนคือช่วงฤดูร้อนที่เหมาะสำหรับการชมดอกไม้ป่าอัลไพน์บนเกาะเระบุน
ทิวทัศน์มุมหนึ่งบนหน้าผาแหลมสุไก(Cape Sukai) ของเกาะเระบุน เดินไปอีกด้านจะเห็นทะเลญี่ปุ่นเต็มตา
หมุดหมายที่ไม่ควรพลาดชมบนแผนที่ท่องเที่ยวเกาะเระบุนคือ แหลมสุไก (Cape Sukai) ออกเสียงคล้าย sky ในภาษาอังกฤษ จึงมีอีกชื่อหนึ่งว่า แหลมสกาย (Cape Sky) แหลมแห่งนี้มีลักษณะเป็นหน้าผาสูง 250 เมตรริมมหาสมุทร จากจุดจอดรถใช้เวลาเดินขึ้นหน้าผาไปตามบันไดประมาณ 10 นาที ก็จะพบลานกว้างสำหรับเดินชมวิวและเก็บภาพ
หน้าผาสูงตระหง่านเหมือนยืนอยู่ใกล้ท้องฟ้าสมชื่อแหลม มองไปเห็นผืนมหาสมุทรกว้างไกลสะท้อนเปลวแดดระยิบระยับ บางมุมที่หลบแดดก็จะเห็นน้ำทะเลสีมรกตหลากเฉด ยอดหญ้าสีเขียวบนเนินผาพลิ้วไสวในสายลมต้นเดือนกันยายนซึ่งกำลังย่างเข้าสู่ฤดูหนาว ถ้ามาในช่วงฤดูร้อนบริเวณนี้ก็จะแซมไปด้วยสีสันของดอกไม้ป่า
จุดต่อไปที่ต้องไปให้ถึง ได้ชื่อว่าเป็นจุดเหนือสุดของเกาะเระบุนคือ แหลมสุโกตง (Cape Sukoton) ปกคลุมไปด้วยผืนหญ้าสีเขียวตัดกับพื้นน้ำสีคราม มีถนนเส้นเล็กๆ ให้เดินไปที่สุดปลายแหลม มองไปเห็นเกาะเล็กๆ อีกหนึ่งเกาะ ถ้าไปถูกเวลาจะเห็นฝูงแมวน้ำว่ายเวียนและขึ้นไปนอนอาบแดด จึงเรียกเกาะนั้นว่า ‘เกาะแมวน้ำ’ (Sea Lion Island)
ไอศกรีมสาหร่ายกับที่เห็นไกลๆ คือจุดเหนือสุดของแหลมสุโกตง(Cape Sukoton)
ที่แหลมสุโกตงมีร้านขายสินค้าที่ระลึก ส่วนใหญ่เป็นอาหารทะเลแปรรูปในบรรจุภัณฑ์ที่ซื้อกลับบ้านได้สะดวก และอาหารทะเลสดๆ แต่ที่ต้องชิมให้ได้คือ ไอศกรีมสาหร่าย เนื้อไอศกรีมไม่ข้นหวานมันแบบซอฟต์เสิร์ฟ แต่เป็นไอศกรีมสีเขียวอ่อน-เนื้อเบาๆ ด้วยน้ำแข็งและมีส่วนผสมของสาหร่าย ค่อนข้างละลายเร็ว จึงต้องใช้ความไวในการชิมอยู่บ้างถ้าเลือกแบบใส่มาในโคนเวเฟอร์กรอบ
ร้านขายของที่ระลึกซึ่งตั้งอยู่ที่แหลมสุโกตง
ในคืนส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ชาวเกาะและนักท่องเที่ยวนิยมมากิน ‘เบนโตะ’ ที่ร้านแห่งนี้ เพื่อความโชคดี อายุยืนและร่ำรวย ตามเคล็ดทำเลที่ตั้งร้านที่อยู่จุดเหนือสุดของเกาะนั่นเอง โดยต้องสั่งจองชุดเบนโตะไว้ล่วงหน้า
ญี่ปุ่นมีภาพยนตร์ที่ได้รับความนิยมหลายเรื่อง หนึ่งในนั้นคือเรื่อง Kita-no-kanaria-tachi หรือในชื่อภาษาอังกฤษ A Chorus of Angels นอกจากพล็อตเรื่องลึกซึ้งกินใจแนวเมโลดรามา(melodrama)ระหว่างครูและกลุ่มลูกศิษย์ หนังได้รับคำวิจารณ์ที่ดีทั้งจากนักวิจารณ์ในญี่ปุ่นและในอเมริกา ฉากโรงเรียนก็ได้รับการพูดถึงอย่างมาก ตัวโรงเรียนมีลักษณะเป็นเรือนไม้ริมทะเล และมีความงามของเกาะริชิริเป็นฉากหลัง สวยงามติดตาตรึงใจ นั่นก็เพราะสถานที่ถ่ายทำหนังเรื่องนี้ตั้งอยู่บนเกาะเระบุนนั่นเอง
สวนคิตาโนะ คานาเรีย(Kitano Kanaria Park) ฉากในภาพยนตร์เรื่อง Kita-no-kanaria-tachi
ความจริง ตัวโรงเรียนที่เป็นเรือนไม้เก่า ตั้งอยู่ลึกเข้าไปในตัวเกาะ แต่เพื่อถ่ายทำหนัง ทีมงานจึงเคลื่อนย้ายโรงเรียนเรือนไม้มาสร้างใหม่ริมทะเล เมื่อหนังออกฉายในปีค.ศ.2012 แฟนหนังก็ตามหาสถานที่ถ่ายทำแห่งนี้ เกาะเระบุนจึงเก็บสถานที่ถ่ายทำและเปิดเป็นจุดท่องเที่ยวในปีต่อมา เรียกบริเวณนี้ สวนคิตาโนะ คานาเรีย (Kitano Kanaria Park)
++ ไคเซกิ-ออนเซ็น ++
บนเกาะเระบุนมีที่พักหลายประเภท หนึ่งในนั้นคือ โรงแรม ฮานะ เระบุน (Hana Rebun Hotel) ที่นี่มีทั้งห้องพักแบบตะวันตก และห้องพักแบบเรียวกัง(Ryokan) คือห้องพักที่ตกแต่งแบบญี่ปุ่นโบราณ พื้นห้องปูด้วยเสื่อทาทามิ ไม่มีเตียงนอน มีแต่โต๊ะรับแขกทรงเตี้ยแบบญี่ปุ่นตั้งอยู่กลางห้อง แต่พอถึงเวลา บริกรก็จะเข้ามาเก็บโต๊ะเตี้ยกลางห้องไปไว้มุมหนึ่ง แล้วนำเบาะที่นอนมาปูให้บนเสื่อทาทามิ
ห้องพักแบบเรียวกังของโรงแรมฮานะ เระบุน
เก็บโต๊ะกลางห้องเพื่อปูที่นอนบนเสื่อทาทามิ
ของที่ระลึกโรงแรมฮานะ เระบุน วางไว้ในห้องพักพร้อมข้อความที่มีความหมายว่า “วันนี้ดีใจที่คุณมา ขอให้วันพรุ่งนี้อากาศดี” (ต้นเดือนกันยายน ฮอกไกโดยังคงมีฝนตกบ้างนิดหน่อย)
ภายในห้องพักแบบเรียวกังมีห้องน้ำในตัว ตกแต่งแบบญี่ปุ่นโบราณตั้งแต่ประตูห้องน้ำที่เป็นแบบบานเลื่อน ภายในห้องน้ำมีเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าพร้อมกระจกเงาบานใหญ่ อุปกรณ์อาบน้ำครบครันรวมทั้งไดร์เป่าผม โถชักโครกมาตรฐานญี่ปุ่น คือมีปุ่มฉีดชำระอัตโนมัติ แยกอยู่ในอีกห้องย่อยภายในห้องน้ำ ส่วนอาบน้ำซึ่งมีทั้งฝักบัวพร้อมเก้าอี้ตัวเตี้ยให้นั่งอาบแบบญี่ปุ่นและอ่างอาบน้ำก็แยกอยู่ในห้องย่อยอีกห้องภายในห้องน้ำเดียวกัน
นักท่องเที่ยวยังสามารถได้รับประสบการณ์กินอาหารชุดตามธรรมเนียมญี่ปุ่นดั้งเดิมที่มีการคัดสรรวัตถุดิบและปรุงอย่างพิถีพิถัน อย่างที่เรียกว่า ไคเซกิ (Kaiseki) ได้ที่นี่ ครบครันด้วยวัตถุดิบชั้นเลิศ เช่น ไข่หอยเม่น ไข่ปลาแซลมอน ซาชิมิ(กุ้งเอบิ หอยเชลล์ ปลาดิบ) ขาปูขน เป๋าฮื้อ มันหวานญี่ปุ่นในซุปข้าวโพด หมูพะโล้ ปลาฮกเกะ เป็นอาทิ
อาหารเรียกน้ำย่อยในเซตไคเซกิของโรงแรมฮานะ เระบุน
โรงแรมแห่งนี้มีบริการบ่อน้ำแร่ร้อน หรือ ออนเซ็น (Onsen )แยกชาย-หญิง เป็นห้องออนเซ็นดีไซน์ร่วมสมัย สะอาดสะอ้าน ผนังด้านหนึ่งเปิดโล่งมองเห็นทะเลญี่ปุ่น 180 องศา เปิดให้บริการตั้งแต่ตีห้าถึงเที่ยงคืน
อิ่มอร่อยกับไคเซกิตั้งแต่ทุ่มเศษๆ จนคำสุดท้ายประมาณสามทุ่ม ขอพักพุงสักครู่แล้วลงไปออนเซ็นห้าทุ่มครึ่ง เป็นเวลาที่ดีสำหรับนักออนเซ็นมือใหม่ ไม่มีใครเห็นเราและเราไม่เห็นใคร
ตื่นมาพบความสวยงามของทะเลญี่ปุ่นและเกาะริชิริ จากหน้าต่างห้องพักเลขที่ 906 โรงแรมฮานะ เระบุน เวลา 06.00 น.
คืนนั้นนอนหลับสบาย ตื่นเช้าด้วยความกระปรี้กระเปร่า เก็บกระเป๋าเตรียมตัวไปขึ้นเรือเฟอรี่เดินทางกลับเมืองวักกะไน
ยังมีความสวยงาม อาหารอร่อย และกิจกรรมสนุกให้ค้นหา โปรดติดตามตอนที่ 3 ซึ่งเป็นตอนสุดท้ายของทริปนี้