รวบ 9 ต่างชาติ หลบหนีเข้าเมือง-อยู่เกินกำหนด

รวบ 9 ต่างชาติ หลบหนีเข้าเมือง-อยู่เกินกำหนด

“บิ๊กโจ๊ก”เเถลงผลรวบ 9 ผตห.ต่างชาติหลบหนีเข้าเมือง-อยู่เกินกำหนด พบชายวัย 57 ชาวอังกฤษทำงานก่อสร้างเเลกเงินหลังถูกเมียชาวไทยยึดบัตรเอทีเอ็ม จ่อเเจ้งความข้อหาลักทรัพย์

เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 4 มกราคม 2561 ที่อาคารเมโทรเพลส ซอยสันติภาพ แขวงสี่พระยา เขตบางรัก กรุงเทพฯ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. พร้อมจนท.ตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจ 191 อรินทราช บช.ปส. ชุดสยบไพรี ตร.สตม. ร่วมกันแถลงผลการเข้าปิดล้อมตรวจค้น 28 จุด ทั่วกรุงเทพฯและปริมณฑล ซึ่งเป็นห้องพักชาวต่างชาติผิวสีที่อยู่เกินกฎหมายกำหนด

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ตามนโยบายของรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตำรวจท่องเที่ยวจึงได้ออกปฏิบัติการระดม กวาดล้างอาชญากรรม และบูรณาการกำลังจากหลายหน่วยงาน ประกอบด้วยตำรวจจากกองบังคับการสายตรวจ และปฏิบัติการพิเศษ 191, หน่วยอรินทราช 26, หน่วยรบพิเศษสยบไพรี กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด, สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และกองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้ร่วมกันปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมาย จำนวน 28 จุด สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 9 ราย มีรายละเอียด ดังนี้ 1.จับกุมข้อหา “เป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต” สัญชาติไนจีเรีย 3 ราย 2.จับกุมข้อหา “เป็นบุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยสิ้นสุดการอนุญาต” จำนวน 2 ราย เป็นสัญชาติไนจีเรีย 1 ราย อังกฤษ 1 ราย 3.จับกุมข้อหา “เป็นบุคคลต้องห้าม ตาม พรบ.คนเข้าเมือง มาตรา 12(1) และ เป็นบุคคล ต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต มาตรา 81” สัญชาติมาลี 4 ราย

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า อาชญากรรมชาวต่าวชาติที่เข้ามาในประเทศไทยที่พบส่วนใหญ่เป็นแก๊งยาเสพติดเป็นหลัก,ค้ามนุษย์ และคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งที่ผ่านมาได้เข้าตรวจค้นไปจำนวน 125 ครั้ง ได้ผลักดันชาวต่างชาติออกไป 125 คน นอกจากนี้การดูแลความปลอดภัยช่วงปีใหม่ที่ผ่านมาอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ เพราะไม่มีเหตุเกิดขึ้นเลย อย่างไรก็ตามตนมั่นใจว่าในห้วงเดือนเมษายน ซึ่งเป็นเทศกาลสงกรานต์ก็จะมีความปลอดภัยเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ยังพร้อมรองรับงานอาเซียนทัวร์ริสซึมครั้งที่ 37 ระหว่าง 22-28 มาราคมนี้ ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพในการจัดงานอีกด้วย

ทั้งนี้ มีคดีที่น่าสนใจคือชายชาวอังกฤษ อายุ 57 ปี ถูกจับกุมในข้อหาพักอาศัยอยู่ในประเทศไทยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด โดยชายคนดังกล่าวอ้างว่าที่อยู่เกินกฎหมายกำหนดเพราะชายคนดังกล่าวเดิมเป็นพนักงานไปรษณีย์อยู่ที่ประเทศอังกฤษ หลังเกษียณได้เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย และได้รู้จักกับหญิงไทย จึงขอพักอาศัยที่บ้านหญิงไทยในพื้นที่จ.ลพบุรี โดยทุกเดือนจะได้รับเงินหลังเกษียณเดือนละ 300 ปอนด์ แต่ถูกหญิงไทยยึดบัตรเอทีเอ็ม และเอกสารไว้ ทำให้ชายชาวอังกฤษต้องไปทำงานก่อสร้างได้ค่าแรงให้วันละ 50 บาท เพื่อหาเงินกลับประเทศ

อย่างไรก็ตามพล.ต.ต.สุรเชษฐ์ได้สั่งการให้ตำรวจท่องเที่ยวจ.ลพบุรี ดำเนินการสอบปากคำไว้ และตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เนื่องจากชายชาวอังกฤษประสงค์ที่จะแจ้งความดำเนินคดีกับหญิงไทยในข้อหาลักทรัพย์ พร้อมจะประสานการช่วยเหลือจากสถานทูต ก่อนผลักดันกลับประเทศต่อไป