'ดีเอสไอ' เรียกภาษีรถหรูคืนเงินชาติ 9 พันล้านบาท

"ดีเอสไอ" เรียกคืนภาษีรถยนต์หรู ได้เงินคืนชาติ 9,000 ล้านบาทเศษ คาดสรุปสำนวนส่งอัยการ ม.ค.นี้
พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร รองอธิบดีดีเอสไอ กล่าวถึงความคืบหน้าการสอบสวนคดีนำเข้ารถยนต์หรูหลีกเลี่ยงภาษีว่า ขณะนี้มีคดีที่อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนของดีเอสไอ 134 คดี โดยร่วมกับพนักงานอัยการสำนักงานต่างประเทศ เพื่อทำคำร้องขอความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญา (MLAT) และได้ข้อมูลตอบกลับมาแล้วเกี่ยวกับการนำเข้ารถหรูจาก 3 ประเทศ คือ อังกฤษ 9,391 คัน, อิตาลี 505 คัน และญี่ปุ่น 5 คัน ซึ่งกรมศุลกากรได้ประเมินภาษีอากรขาดให้แล้ว แยกเป็น รถยนต์จากอังกฤษ 1,047 คัน มูลค่าอากรขาด 3,495,341,798.09 บาท และรถยนต์จากอิตาลี 336 คัน มูลค่าอากรขาด 5,575,232,225,.98 บาท ซึ่งเพียงแค่ยอดนำเข้ารถหรู 1,000 คันเศษ
พ.ต.ท.กรวัชร์ กล่าวต่อไปว่า ดีเอสไอสามารถเรียกภาษีคืนให้แก่รัฐได้ 9,000 ล้านบาทเศษ ในระหว่างนี้ได้ขอความร่วมมือไปที่ประเทศอิตาลีให้ส่งข้อมูลราคาขายรถยนต์ 3 ยี่ห้อ ได้แก่ ลัมโบกินี่ เฟอร์รารี่ และมาเซราติ อีกหลายร้อยคันมาให้ดีเอสไอ โดยเชื่อว่าหลังการสอบสวนเสร็จสิ้นจะสามารถเรียกคืนภาษีให้รัฐได้หลายหมื่นล้านบาท ทั้งนี้ คาดว่าจะสามารถทยอยสรุปสำนวนส่งอัยการสั่งได้ตั้งแต่ ม.ค. 61 เป็นต้นไป
ในส่วนผลการดำเนินคดีบุกรุกพื้นที่ป่านั้น พ.ต.ท.กรวัชร์ กล่าวว่า เฉพาะการบุกรุกที่ดินในเขตอุทยานแห่งชาติสิรินาถ อ.ถลาง จ.ภูเก็ต มีการบุกรุกมูลค่า 14,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นคดีเกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ทั้งสิ้น ซึ่งในปี 2561 จะเห็นภาพความชัดเจนเกี่ยวกับคดีการบุกรุก โดยคดีที่หมดอายุความตั้งแต่ก่อนก่อตั้งดีเอสไอเมื่อปี 2547 ได้ส่งเรื่องให้กรมที่ดินตั้งกรรมการเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ และเสนอให้กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธ์พืชบังคับใช้กฎหมายแพ่งและปกครอง เพื่อขับไล่เอกชนที่เข้าไปบุกรุกเขตอุทยานแห่งชาติ ส่วนกรณีบุกรุกหาดเลพัง อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ที่ศาลฎีกาพิพากษาแล้วว่าที่ดิน 200 ไร่ ความยาวตลอดแนวหาด 2.5 กม. เป็นที่สาธารณะประโยชน์ ซึ่งดีเอสไอได้ประสานให้อบต.เชิงทะเล ปักป้ายให้ผู้บุกรุกออกจากพื้นที่แล้ว ล่าสุดพบว่ามีเอกชน 5 ราย ยังไม่ยอมรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและย้ายออกจากพื้นที่ โดยอ้างว่าผู้ครอบครองปัจจุบันเป็นเจ้าของรายใหม่ไม่เกี่ยวข้องกับบุคคลที่ถูกศาลพิพากษา ดังนั้น อบต.เชิงทะเลจึงเข้าร้องทุกข์ให้ดีเอสไอดำเนินการขั้นเด็ดขาด
นอกจากนี้ พ.ต.ท.กรวัชร์ กล่าวอีกว่า เรายังได้ลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้ผู้ที่มีเอกสาร สค.1 นำไปขอออกกรรมสิทธิ์ที่ดิน เพื่อป้องกันไม่ให้มีผู้นำ สค.1 ไปใช้ผิดกฎหมาย เช่น การนำสค. 1 บินจากพื้นที่อื่นมาสวมทับที่ดินป่าสงวนแห่งชาติ โดยจัดให้อุทยานแห่งชาติสิรินาถ และชายหาดในอ.ถลางเป็นพื้นที่นำร่อง ทั้งนี้ ดีเอสไอได้จัดทำโครงการมาตรการเชิงรุกด้านการป้องกันการบุกรุกที่ดินของรัฐด้วยระบบแม่ข่ายแผนที่ผ่านระบบอินเตอร์เน็ต (DSI MAP) และผ่านระบบดาวเทียม GPS (DSI MAP Extended) เป็นการอบรมให้ความรู้สร้างเครือข่ายหน่วยงานและภาคประชาชนเป้าหมาย 9 จังหวัด ประกอบด้วย ลำพูน ลำปาง ร้อยเอ็ด มหาสารคาม ชุมพร นครสวรรค์ ชัยนาท นครนายก และชลบุรี รวมผู้เข้ารับการอบรมและเป็นสมาชิกเครือข่ายทั้งสิ้น 839 คน โดยผู้เข้ารับการอบรมสามารถใช้เทคโนโลยีระบบแม่ข่ายแผนที่ผ่านอินเตอร์เน็ต (DSI MAP) และผ่านระบบดาวเทียม GPS (DSI MAP Extent) เป็นเครื่องมือในการตรวจสอบแนวเขตพื้นที่ของรัฐ และที่สงวนหวงห้ามต่างๆ ได้




