พาณิชย์เตรียมส่ง 9 นโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

พาณิชย์เตรียมส่ง 9 นโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

"รมว.พาณิชย์" เตรียมเดินหน้า 9 นโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจ พร้อมจัด 8 กิจกรรมลดค่าครองชีพเป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ในปี 2561 กระทรวงพาณิชย์ได้มอบของขวัญปีใหม่ให้กับคนไทยทั้งประเทศ ประกอบด้วย 9 นโยบายเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจเพื่อความกินดีอยู่ดีของประชาชน พร้อมจัด 8 กิจกรรมลดค่าครองชีพ และอำนวยความสะดวกในการบริการประชาชน โดยนโยบายทั้ง 9 ประการ ประกอบด้วย

1.การดูแลเสถียรภาพราคาและตลาดสินค้าเกษตร จะเดินหน้าทำงานร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ทั้งในระดับนโยบายและพื้นที่ โดยจะมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลสินค้าเกษตรหลักที่สำคัญ เพื่อให้สามารถวางแผนการตลาดทั้งการขายสด และการแปรรูปไว้ล่วงหน้า อีกทั้งเตรียมการรองรับปัญหาด้านผลผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ จะยกระดับสินค้าเกษตรสู่สินค้าเกษตรนวัตกรรมผ่านการต่อยอดกับผลงานวิจัยที่มีอยู่แล้วเพื่อให้เกิดประโยชน์เชิงพาณิชย์อย่างเป็นรูปธรรมและส่งเสริมให้มีการสร้างแบรนด์สินค้าเกษตรของตนเอง

2.การดูแลค่าครองชีพ เน้นการดูแลปัญหาปากท้องประชาชน โดยการเพิ่มทางเลือกซื้อสินค้าราคาถูกผ่านร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ ซึ่งจะเพิ่มจำนวนให้ครอบคลุมพื้นที่ให้มากขึ้น โดยคาดว่าในปี 2561 จะมีจำนวนไม่ต่ำกว่า 40,000 แห่ง และจะเชื่อมโยงสินค้าเกษตรและสินค้าชุมชนให้มีมุมวางขาย ณ ตลาดร้านธงฟ้าประชารัฐ เพื่อให้เกิดการหมุนเวียนของเศรษฐกิจการค้าระดับพื้นที่มากขึ้น

3.การสร้างอาชีพให้ผู้มีรายได้น้อยมีการมีงานทำ โดยมุ่งพัฒนากลุ่มเป้าหมาย คือ ผู้มีรายได้น้อยที่ลงทะเบียนไว้กับกระทรวงการคลัง โดยจะร่วมมือและใช้ประโยชน์จากสถาบันการศึกษาในพื้นที่ในการอบรม ให้พิจารณาประกอบธุรกิจได้ อาทิ ร้านอาหาร ร้านเสริมสวย เป็นต้น และจะร่วมมือกับสมาคมโรงแรมไทยจัดฝึกอบรมแม่บ้านมืออาชีพ รวมทั้งการส่งเสริมให้มีการจับคู่ระหว่างแฟรนส์ไชส์ของคนไทยที่มีมูลค่าไม่สูงมากกับผู้มีรายได้น้อย เพื่อสร้างอาชีพ

4.การขับเคลื่อน SMEs และ MSMEs รายจังหวัด โดยจะเชื่อมโยงให้มีแหล่งค้าขายทั้งที่เป็นการค้าในรูปแบบออฟไลน์ อาทิ ตลาด ร้านโชห่วย ห้างสรรพสินค้า Modern Trade

5.ผลักดันให้สามารถทำการค้าขายออนไลน์ โดยนำรูปแบบ ULE Model มาเป็นแนวทางใช้ประโยชน์จากอินเทอร์เน็ตชุมชน รวมทั้งสนับสนุนคนตัวเล็กให้เป็นนักธุรกิจมืออาชีพ

6.ผลักดันการส่งออกให้ขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปี 2560 ที่คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นแตะ 10% โดยมีแผนจะปรับโครงสร้างการส่งออกให้สอดคล้องกับนโยบาย Thailand 4.0 อาทิ เน้นการขยายตลาดสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่ม สินค้าใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยี ตั้งทีมการตลาดและจัดทำแผนการเจาะขยายตลาดรายประเทศ โดยจัดลำดับความสำคัญก่อนหลังและมีกรอบเวลาและระบุผู้รับผิดชอบอย่างชัดเจน อาทิ จีน อินเดีย สหภาพยุโรป และยังมีแผนเริ่มเจรจาทวิภาคีกับประเทศสำคัญๆ อาทิ เยอรมนี ฝรั่งเศส โดยจะดึงบุคลากรจากภายนอกที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านตลาดมาทำงานร่วมกับทูตพาณิชย์ ภายใต้แนวทางการเจรจาหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจ (Strategic Partnership) และเพิ่มสัดส่วนผู้ประกอบการ SMEs ให้สามารถส่งออกได้มากขึ้น

7.ส่งเสริมให้มีบริการใหม่ๆ รองรับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 เช่น ไบโอเทคโนโลยี บริการด้านการเกษตร และการส่งเสริมธุรกิจบริการที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว โดยบูรณาการร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และธุรกิจสปา อาทิ การพัฒนาแหล่งค้าขายชุมชนในเมืองรอง ร้านอาหารชุมชน โดยส่งเสริมให้มีเครื่องหมาย Thai Select ร้านขายของที่ระลึก เป็นต้น

8.การปกป้องคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา จะดำเนินการต่อเนื่องเพื่อให้คงสถานะ WL และนำไปสู่การปลดจากบัญชี WL รวมทั้งการแก้ปัญหาจดสิทธิบัตรล่าช้า และการนำทรัพย์สินทางปัญญามาใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ มุ่งเน้นสู่การส่งเสริม Creative Economy

9.เร่งสร้างปัจจัยแวดล้อมที่เอื้อต่อการประกอบธุรกิจ อาทิ การลดขั้นตอนการทำงาน และการใช้ระบบ Electronic มาใช้ในการให้บริการ เพื่อนำไปสู่การเป็น e-Ministry รวมทั้งการแก้ไขกฎหมาย และการเสนอกฎหมายใหม่ เพื่อรองรับรูปแบบธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไป

นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า นอกจากนี้กระทรวงพาณิชย์ได้จัดกิจกรรมพิเศษต่าง ๆ เพื่อช่วยลดค่าครองชีพแก่ประชาชนและอำนวยความสะดวกทางการค้าให้กับผู้ประกอบธุรกิจมาตั้งแต่เดือนธ.ค. 60 ต่อเนื่องถึงเดือนม.ค. 61 ได้แก่

- จัดมหกรรมลดราคาสินค้า ภายใต้ชื่อ "รวมใจ..เพิ่มสุข..ช้อปสนุก..ลดรับปีใหม่" โดยร่วมกับห้างค้าปลีก ค้าส่ง ผู้ผลิต ลดราคาสินค้าพร้อมกันทั้งประเทศ ตั้งแต่ 20-80% มีสินค้ากว่า 1 หมื่นรายการ

- ลดราคาสินค้าออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ Thaitrade.com ตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค.60 ถึง 15 ม.ค.61

- จัดส่งรถธงฟ้าเคลื่อนที่ นำสินค้าจำเป็น 4 รายการ ได้แก่ ข้าวสาร น้ำตาลทราย น้ำมันพืช และไข่ไก่ ราคาถูกกว่าท้องตลาด 30-45% ไปจำหน่ายให้กับประชาชนในจังหวัดต่างๆ ของประเทศ คาดว่าจะช่วยประชาชนได้กว่า 6 หมื่นครัวเรือน ลดค่าครองชีพได้ประมาณ 30 ล้านบาท

- เพิ่มช่องทางการจำหน่ายให้กับสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) โดยนำสินค้า OTOP มาจำหน่ายให้กับประชาชน ในงาน OTOP City ที่ศูนย์แสดงสินค้าอิมแพ็ค เมืองทองธานี เพื่อช่วยเหลือให้ผู้ผลิตมีรายได้เพิ่มขึ้น โดยได้จัดงานไปแล้วตั้งแต่วันที่ 17-25 ธ.ค.60 ซึ่งประสบความสำเร็จด้วยดี

- จัดงาน "แฟรนไชส์ เดย์" ระหว่างวันที่ 15-17 ม.ค.61 ที่กระทรวงพาณิชย์ โดยนำผู้ประกอบการแฟรนไชส์ และสมาชิกบิสคลับ ร่วมจำหน่ายสินค้าในราคาพิเศษ รวมทั้งจัดบูธให้คำปรึกษาแนะนำธุรกิจด้วย

- ขยายเวลาให้บริการจดทะเบียนธุรกิจ รับงบการเงิน และออกหนังสือรับรองนอกเวลาทำการ ระหว่างวันที่ 18-29 ธ.ค.60 ตั้งแต่เวลา 08.30-18.00 น. ที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า สนามบินน้ำ และได้เปิดให้บริการเป็นพิเศษในวันเสาร์ที่ 23 ธ.ค.60 ที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า และสำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้า เขต 1-6

- เปิดให้บริการขอหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้ารูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Form D ในการส่งออกไปอาเซียน 4 ประเทศ ได้แก่ มาเลเซีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ และเวียดนาม เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.61 ซึ่งจะทำให้การส่งออกมีความสะดวก รวดเร็ว ลดค่าใช้จ่าย และช่วยเพิ่มขีดความสามารถในด้านการแข่งขันให้กับสินค้าไทย และยังได้จัดหน่วยบริการเคลื่อนที่ด้านทรัพย์สินทางปัญญาออกไปให้บริการประชาชน เริ่มที่จังหวัดนครสวรรค์ และอุทัยธานีในช่วงเดือน ม.ค.61 ด้วย