สมาคมอ้อยอุดรธานี ติวเข้มรถอ้อยทำตาม MOU หลังเกิดอุบัติเหตุแล้ว 2 ครั้ง
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 22 ธันวาคม ที่ลานจอดรถบรรทุกอ้อย โรงงานน้ำตาลเกษตรผล ต.ห้วยเกิ้ง อ.กุมภวาปี นายธนูศักดิ์ อมูลราช หัวหน้า สนง.สมาคมกลุ่มชาวไร่อ้อยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้นำเจ้าของรถรถบรรทุกอ้อย และคนรับรถบรรทุกอ้อย ที่มาจอดรอคิวส่งอ้อยเข้าโรงงานน้ำตาลเกษตรผล ประมาณ 70 คน เข้าร่วมรับฟังคำชี้แจง จากเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย จาก สนง.ขนส่งจังหวัด , มทบ.24 , ตำรวจางหลวงอุดรธานี , ตำรวจ สภ.กุมภวาปี และตัวแทนจากโรงงานน้ำตาล
ร่วมชี้แจงให้กับเจ้าของผู้ประกอบการ และรถขับรถถบรรทักอ้อย รับทราบในการปฏิบัติตามบันทึกข้อตกลง หรือMOUที่ทางสมาคมฯ โรงงานน้ำตาล ทำไว้กับทาง มทบ.24 ในฐานะ กกล.รส.อุดรธานี และทาง จ.อุดรธานี เรื่องการบรรทุกอ้อยเข้าส่งโรงงานน้ำตาลทั้ง 4 แห่งน จ.อุดรธานี เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุที่เกิดจากรถบรรทุกอ้อย ในฤดูการผลิตปี 60/61 หลังจากที่ผ่านมา เกิดอุบัติเหตุจากรถบรรทุกอ้อยมาแล้ว 2 ครั้ง
นายวันชัย ไชยจักร ตัวแทนสมาคมกลุ่มชาวไร่อ้อยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กล่าว่วา ด้วยขณะนี้เข้าสู่ฤดูการเปิดหีบอ้อยมาแล้ว มีห้วงเวลาการนำอ้อยเข้าส่งโรงงานน้ำตาลประมาณ 4 เดือน ซึ่งมีการกำหนดMOU20 ข้อ ที่ทางสมาคมฯ ทำไว้ร่วมกับทาง กกล.รส.อุดรธานี และจังหวัด ในการป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นจากรถบรรทุกอ้อย หลังจากเปิดหีบอ้อยมาได้ระยะหนึ่งแล้ว จึงต้องการให้ทางเจ้าของรถบรรทุกและโชเฟอร์รถบรรทุกอ้อย ได้รับทราบตามบันทึกข้อตกลง เพื่อที่จะนำไปปฏิบัติ ในการป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ ทั้งนี้ถนนทางหลวง ไม่ใช่ของพวกเรา แต่เป็นของคนไทยทั่วประเทศ ฉะนั้นการป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ เนื่องจากรถบรรทุกอ้อย จึงเป็นหน้าที่ของทุกคนต้องร่วมกันป้องกันและแก้ไข ที่จะไม่ให้เกิดขึ้น เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้รถใช้ถนน
นายเทพฤทธิ์ ศักดิฤทธิ์ นักวิชาการขนส่งชำนาญ สนง.ขนส่ง จ.อุดรธานี ชี้แจงสาระสำคัญของMOUที่ทำไว้ว่า เรื่องการบรรทุกอ้อย จะต้องมีความสุงวัดจากพื้นถนนไม่เกิน 3.80 เมตร ท้ายรถบรรทุกอ้อยต้องไม่บานออกและต้องยื่นจากท้ายรถไม่เกิน 1 เมตร และต้องมีสายรัดรัดอ้อยป้องกันอ้อยตกหล่นบนถนนอย่างน้อย 2 เส้น นอกจากนี้ที่ท้ายรถอ้อยทุกคันต้องติดป้ายข้อความ “รถช้าบรรทุกอ้อย” และกลางวันต้องติดผ้าสีแดง 2 ผืน ที่สามารถมองเห็นได้ในระยะ 150 เมตร ส่วนกลางคืนต้องติดไฟสีแดงเตือน อย่างน้อย 3 ดวง หากรถเสียกลางทาง หรือจอดรถข้างทาง จะต้องมีป้ายเตือนวางว้ระยะห่าง 150 เมตร และหากเกิดอุบัติเหตุขึ้น จะต้องรีบแจ้งให้ทางขนส่งจังหวัดรับทราบทันที
“นอกจากนี้ทางกรมการขนส่งทางบก ได้ออกประกาศที่จะบังคับใช้ในวันที่ 2 มกราคม 2561 ที่เป็นมาตรการป้องกันอุบัติเหตุเพิ่มขึ้น คือ ห้ามติดแตรลม ห้ามดื่มสุรา การใช้ใบขับขี่ต้องตรงกับประเภทของรถ ใบขับขี่ต้องไม่หมดอายุ รวมทั้งการควบคุมความเร็วในการขับขี่ ในเขตเมืองหรือชุมชน ไม่เกิน 45 กม.ต่อชั่วโมง และขณะวิ่งบรรทุกไม่เกิด 60 กม.ต่อชั่วโมง โดยเฉพาะเรื่องของเครื่องหมายเตือนตามที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด ที่ต้องมีติดรถไว้อย่างน้อย 2 อัน เมื่อรถจะต้องจอดรถทางเดินรถหรือไหล่ทาง ที่ต้องวางไว้ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ตั้งแต่ระยะ 50-150 เมตร หากพบว่ามีกรกระทำผิด ต้องถูกลงโทษตั้งแต่จำคุกและปรับ”
นายธนูศักดิ์ อมูลราช หัวหน้า สนง.สมาคมกลุ่มชาวไร่อ้อยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กล่าวว่า หลังจากชี้แจงแนวทางการปฏิบัติตามMOUกับทางเจ้าของผู้ประกอบการ และคนขับรถบรรทุกอ้อยแล้ว หากรถบรรทุกที่ถูกหน่วยงงานอื่น ๆจับกุม เช่น ถูกเรียกเข้าชั่งน้ำหนัก หากบรรทุกไม่เกิน 3.80 เมตร ให้รีบแจ้งทางสมาคมฯรับทราบ เพื่อที่จะแจ้งหน่วยงานต่าง ๆ ที่ร่วมทำMOUไปดำเนินการแก้ไขปัญหา แต่หากมีการบรรทุกเกิน 3.80 เมตร ทางสมาคมฯ และหน่วยงานต่าง ๆ จะไม่เข้าไปดูแลรับผิดชอบให้ และขอให้หยุดวิ่งรถในช่วงวันที่ 28 ธันวาคม ไปจนถึงวันที่ 3 มกราคม ปีหน้า ตามที่ทำMOUไว้ ขอให้ช่วงนี้รีบนำอ้อยที่ตัดแล้วมาเข้าส่งโรงงาน และให้เกษตรกรหยุดตัดอ้อยในช่วงเวลาดังกล่าวด้วย เพื่อป้องกันอุบัติเหตุจากรถอ้อย ในช่วง 7 วันอันตราย
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า หลังจากที่โรงงานน้ำตาลทั้ง 4 แห่ง เปิดหีบอ้อยมาตั้งแต่วันที่ 6 ธันวาคม ที่ผ่านมา มีอุบัติเหตุที่เกิดจากรถบรรทุกอ้อยแล้ว 2 ครั้ง โดยเกิดเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม ที่ผ่านมา ทั้ง 2 เหตุ ครั้งแรกรถพ่วงบรรทุกอ้อยที่จะบรรทุกอ้อยไป อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น พลิกคว่ำบถนนมิตรภาพอุดรธานี-ขอนแก่น เขต อ.โนนสะอาด จ.อุดรธานี ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต และครั้งที่ 2 เป็นรถบรรทุกอ้อย ทำอ้อยร่วงหล่นบนถนนมิตรภาพอุดรธานี-ขอนแก่น บ.ข้าวสาร ต.โนนสูง อ.เมือง ทำให้มีรถที่ขับตามมาชนกับอ้อยที่หล่นบนถนน เสียหาย 3 คัน โชคดีที่ไม่มีผุ้ได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต........