โกลเด้นแลนด์ผุดโครงการเพิ่ม ‘เท่าตัว’

โกลเด้นแลนด์ผุดโครงการเพิ่ม ‘เท่าตัว’

ภาวะเศรษฐกิจและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ส่งสัญญาณฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ดึงดูดผู้ประกอบการกลับมาเร่งขยายตลาดช่วงชิงโอกาสธุรกิจ

แสนผิน สุขี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ โกลเด้นแลนด์ กล่าวว่า ในปี 2561 ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทยมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี ทำให้บริษัทเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ไว้ถึง 34 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 3.96 หมื่นล้านบาท คิดเป็นจำนวนเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจากปีนี้เปิดตัว 14 โครงการ ขณะเดียวกัน วางเป้าหมายยอดขายปีหน้าไว้สูงราว 2.66 หมื่นล้านบาท เติบโต 34%  มีเป้ารับรู้รายได้ที่ 1.61 หมื่นล้านบาท

นอกจากนี้ จะใช้งบประมาณ 1.32 หมื่นล้านบาท สำหรับจัดซื้อที่ดินเพิ่มอีก 34 แปลงเพื่อขยายโครงการใหม่  ตั้งแต่ครึ่งปีหลังของปี 2561 ไปจนถึงปี 2562 มูลค่างบประมาณส่วนนี้เพิ่มขึ้น 63% เทียบปีนี้ หรือบวกขึ้นมาราว 5,110 ล้านบาท โดยเริ่มใช้ในไตรมาสแรกมากที่สุด 5,400 ล้านบาท 

“ต้องสะสมแลนด์แบงก์จำนวนมาก เพราะที่ดินเริ่มหายากมากขึ้น ต้องขยับตัวระหว่างที่ภาษีที่ดินยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง จนกว่ามีการบังคับใช้กฎหมายใหม่ในปี 2562  เมื่อบริษัทวางเป้าหมายการเติบโตไว้สูงถึง 34% จำเป็นต้องมีที่ดินรองรับให้ทันด้วย”

ทั้งนี้แบ่งงบประมาณที่ดิน 90% สำหรับแปลงในกรุงเทพฯ อีก 10% เริ่มขยายต่างจังหวัดมากขึ้น โดยสนใจย่านที่มีกำลังซื้อสูง อาทิ เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ตามการลงทุนของรัฐบาล หลังจากชิมลางตลาดไปแล้วกับโครงการโกลเด้น ทาวน์ ศรีราชา-อัสสัมชัญ มีผลตอบรับดี สร้างยอดขายวันเปิดตัวกว่า 700 ล้านบาท ดังนั้นจึงวางเป้าหมายขยายตลาดไปยังชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา ขณะเดียวกันสนใจทำเลอยุธยา และเชียงรายด้วย

อย่างไรก็ตาม การขยายในต่างจังหวัดจะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป คาดว่ารายได้จากโครงการต่างจังหวัดปี 2561 จะอยู่ที่ราว 1,000 ล้านบาท วางกลยุทธ์เกาะทำเลใจกลางเมือง และสร้างบ้านในราคาไม่แพง แต่ไม่เข้าไปเล่นในทำเลใกล้แหล่งงาน เช่น โรงงานหรือนิคมอุตสาหกรรม โดยมีโครงการที่เตรียมเปิดตัวได้แก่ อยุธยา เชียงราย และกำลังเปิดตัวใหม่ที่ชลบุรีลำดับต่อไป วางโครงสร้างราคาเฉลี่ยบ้านเดี่ยวที่อยุธยา 2.8 ล้านบาท เชียงรายมีตั้งแต่ 1 ล้านบาทไปถึง 3-4 ล้านบาท

ดังนั้น ภาพรวมโครงการทั้ง 34 โครงการใหม่ปีหน้า แบ่งเป็นทาวน์โฮม 20 โครงการ บ้านแฝด 8 โครงการ บ้านเดี่ยว 4 โครงการ  ส่วนต่างจังหวัดอีก 2 โครงการตามที่ได้กล่าวมาแล้ว พร้อมกับแผนเชิงรุกเน้นเพิ่มสัดส่วนรายได้ของบ้านเดี่ยวจากเดิม 3,000 ล้านบาท เป็น 4,000 ล้านบาท หรือเติบโต 30% จากปีนี้ โดยเฉพาะบ้านเดี่ยวแบบหรู ซึ่งถือเป็นความถนัดและเชี่ยวชาญของโกลเด้นแลนด์ และเคแลนด์ มาก่อน มีทีมงานเฉพาะอยู่แล้วและรับผิดชอบคนละส่วนกับตลาดทาวน์โฮมและบ้านแฝด

ทั้งนี้มี 3 ทำเลใหญ่ใจกลางเมือง ที่จะพัฒนาโครงการในหลายรูปแบบในพื้นที่เดียวกันซึ่งจะทยอยเปิดตัวปีหน้า ได้แก่ บริติซ อเวนิว ย่านเกษตรนวมินทร์ อยู่บนที่ดินกว่า 122 ไร่ มี 5 โครงการภายในพื้นที่ คิดเป็นจำนวนรวมกว่า 950 ยูนิต มูลค่ารวมกว่า 4,000 ล้านบาท ซึ่งทยอยเปิด 2 โครงการไปแล้ว และจะเปิดให้ครบ 5 โครงการในปีหน้า

อีก 2 โครงการ ได้แก่ โกลเด้น เอ็มไพร์ ย่านสาทร-กัลปพฤกษ์ และ ฟีเรนเซ เอ็มไพร์ ย่านบางแค โดยมีที่ดินเท่ากันที่ราว 200 ไร่ต่อแห่ง ขณะที่โครงการบ้านหรูเจาะตลาดไฮเอนด์ มีโครงการย่านบางนาที่เปิดตัวไปแล้ว ได้แก่ ทู แกรนด์ โมนาโค มียอดจองในวันเปิดตัวราว 652 ล้านบาท และโครงการบ้านระดับกลาง แกรนด์ดิโอ ราคาเฉลี่ย 7-10 ล้านบาท เตรียมเปิดตัวครั้งแรกในย่านเกษตรนวมินทร์ต้นปีหน้า เพื่อให้บริษัทมีเซ็กเมนต์บ้านเดี่ยวที่ครบทุกความต้องการ

ด้านผลประกอบการในปี 2560 มียอดขายในธุรกิจที่อยู่อาศัย 9 เดือนแรก 1.65 หมื่นล้านบาท สูงกว่าปี 2559 ทั้งปีที่ทำไว้ 1.45 หมื่นล้านบาท และคาดว่าตลอดปีนี้บริษัทจะมียอดขาย 2 หมื่นล้านบาท จากการเปิดตัว 14 โครงการมูลค่ารวมกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท  ขณะนี้บริษัทมียอดขายที่รอรับรู้รายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์อีก 1.7 หมื่นล้านบาท

แสนผิน กล่าวด้วยว่า ปัจจุบันยอดลูกค้าที่จองซื้อบ้านแต่ถูกปฏิเสธสินเชื่อมีอัตรา 30%  ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งทำให้ต้องนำบ้านที่หลุดจองออกมารีเซลใหม่ 

“แต่เชื่อมั่นในกำลังซื้อของตลาดที่จะมองหาคุณภาพที่อยู่อาศัยในรูปแบบบ้านมากขึ้น โดยเฉพาะกำลังซื้อระดับทาวน์โฮมราคา 2.5 - 4 ล้านบาทต้นๆ ที่สามารถปิดการขายได้เร็วที่สุดจากการสังเกตพฤติกรรมการซื้อของลูกค้าในปีนี้”

 สำหรับกลุ่มที่สร้างยอดขายได้สูงยังคงเป็นบ้านเดี่ยวที่ครองสัดส่วนมากสุดราว 25-30%  ซึ่งบริษัทจะให้น้ำหนักการรุกตลาดมากขึ้นตามกลยุทธ์ที่ได้กล่าวมา