'เสี่ยบรรหาร' แจ้งจับน้องสะใภ้ หลอกลงทุนสูญ30ล้าน

'เสี่ยบรรหาร' แจ้งจับน้องสะใภ้ หลอกลงทุนสูญ30ล้าน

โร่พบกองปราบฯ!! "เสี่ยบรรหาร" พร้อมชาวบ้านแจ้งจับน้องสะใภ้ หลอกลงทุนสูญ30ล้าน เผยทวงหนี้ถูกขู่ฆ่าหลังร่วมลงทุนเล่นหุ้นบริษัทรับพนัน

เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 19 ธันวาคม ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป) นายบรรหาร (สงวนนามสกุล) อายุ 40 ปี ชาว จ.พระนครศรีอยุธยา อาชีพธุรกิจส่วนตัวพร้อมด้วยกลุ่มชาวบ้าน อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา ประมาณ 10 คน เดินทางเข้าพบพ.ต.ต.วิทวัส สายอ๋อง สว.สอบสวน กก.2 บก.ป. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ น.ส.วรินธร (สงวนนามสกุล) อายุ 33 ปี ชาวจ.สิงห์บุรี น้องสะใภ้ในข้อหาฉ้อโกง หลังถูกหลอกให้นำเงินมาร่วมลงทุนบริษัทรับพนันแห่งหนึ่งในประเทศประเทศกัมพูชา จนทำให้สูญเสียเงินไปรวมกว่า 30 ล้านบาท โดยนำเอกสารการโอนเงินและสัญญาการลงทุน มามอบให้เจ้าหน้าที่เป็นหลักฐานประกอบการพิจารณา

นายบรรหาร กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อช่วงต้นปี 2557 น.ส.วรินธร มีอาชีพเป็นตัวแทนขายผลิตภัณฑ์เสริมความงามผ่านทางสื่อออนไลน์ ได้ทำทีเข้าตีสนิทเชิงชู้สาวกับน้องชายของตน ก่อนที่ต่อมาจะอ้างว่ากำลังตั้งครรภ์ และขอให้ทางครอบครัวตนรับผิดชอบเด็กในท้อง จึงทำให้มีการจัดพิธีหมั้น ผูกข้อไม้ข้อมือกันตามประเพณีขึ้น ก่อนที่ต่อมาจะอ้างว่าได้แท้งบุตร และชักชวนให้น้องชายของตนพาไปทำกิ๊ฟเพื่อมีบุตรใหม่อีกครั้ง จนมีบุตรด้วยกัน 1 คน

ทั้งนี้ระหว่างนั้น น.ส.วรินธร ก็ได้ชักชวนให้ตนนำเงินมาร่วมลงทุนเล่นหุ้นบริษัทรับพนันแห่งหนึ่งในประเทศประเทศกัมพูชา ซึ่งอ้างว่าเป็นธุรกิจของครอบครัวตนเอง โดยอ้างว่าจะได้รับผลตอบแทนค่อนข้างสูงต่อวัน ขึ้นอยู่กับผลประกอบการในแต่ละวัน จึงหลงเชื่อนำเงินไปร่วมลงทุนดังกล่าวด้วย โดยเริ่มลงทุนช่วงแรกในจำนวนเงิน 1.3ล้านบาท ทั้งนี้ในช่วงแรกยอมรับว่าได้รับผลตอบแทนกลับมาจริง จึงได้นำเงินเก็บที่มีอยู่มาร่วมลงทุนเพิ่มขึ้นอีกจนเป็นเงินรวมกว่า 15 ล้านบาท กระทั่งกลางปีที่ผ่านมา น.ส.วรินธร กลับเริ่มบ่ายเบี่ยงไม่ยอมจ่ายเงินค่าตอบแทนให้ตามกำหนด โดยอ้างว่าบัญชีของตนติดอายัดจากทาง ปปง. อยู่ระหว่างการดำเนินการแก้ไข เมื่อทวงถามบ่อยครั้งเข้า กลับถูก น.ส.วรินธร พูดจาข่มขู่อาฆาตกลับมา และท้าทายให้ไปเข้าแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ

อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบยังทราบว่านอกจากตนแล้วยังมีชาวบ้านในพื้นที่ อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา อีกจำนวนกว่า 30 ราย ถูกหลอกในลักษณะเดียวกันกับตนรวมมูลค่าความเสียหายกว่า 30 ล้านบาท จึงได้รวมตัวกันมาเข้าแจ้งความในวันนี้

เบื้องต้นพนักงานสอบสวน ได้ทำการสอบปากคำผู้เสียหายทั้งหมดเพื่อนำไปประกอบการพิจารณาควบคู่กับพยานหลักฐานที่ทางผู้เสียหายนำมามอบให้ ก่อนจะประมวลเรื่องส่งไปให้กับทางผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป