รถของญาติโยมที่ทำบุญในวัด ถูกโจรแสบอาศัยช่วงพระสวดมนต์ให้ศีลให้พรกลบเสียงทุบกระจก ก่อนขโมยทรัพย์สินหนีลอยนวล
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 15 ธันวาคม ร.ต.อ.บรรจง พาโคตร รองสารวัตร สืบสวน สภ.เมืองอุดรธานี ได้รับแจ้งเกิดเหตุ มีคนร้ายเข้าไปทุบกระจกรถของชาวบ้าน ที่ไปทำบุญ ก่อนขโมยทรัพย์สินที่อยู่ในรถ ที่วัดป่าโนนนิเวศน์ ถนนอุดรดุษฎี ในเขตเทศบาลนครอุดรธานี จึงนำกำลังตำรวจชุดสืบสวน รุดไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุพบรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นแจ๊ส สีขาวหมายเลขทะเทียน กร 95 อุดรธานี โดยที่กระจกหน้าต่างฝั่งด้านคนขับ ถูกคนร้ายใช้ของแข็งทุบกระจกแตกเสียหาย แล้วใช้มือเอื้อมไปปลดล็อคประตู ทำการเปิดประตู แล้วขโมยเงินสดจำนวน 20,000 บาท และโทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อซัมซุง รุ่นเจ 7 สีทอง ราคา8,000 บาท ที่อยู่ในกระเป๋าสตางค์หนังสีเขียวแบบซิบ ซึ่งวางอยู่บนเบาะที่นั่งฝั่งคนขับ
ส่วนจ้าของรถผู้เสียหาย คือ นางภัทราลักษณ์ พงศ์สุวรรณพร อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่639/145 หมู่4 ตำบลบ้านเลื่อม อ.เมืองอุดรธานี ให้การว่า ปกติตนจะมาทำบุญที่วัดแห่งทุกวันเป็นระยะเวลาหลายปีแล้ว โดยในวันได้ขับรถเก๋งคันดังกล่าว จอดไว้ด้านหลังศาลาการเปรียญ ก่อนที่จะขึ้นไปบนศาล ในขณะที่พระสวดมนต์ให้พรญาติโยมที่มาบุญ อยู่นั้นก็ได้ยินสัญญาณกันขโมยรถร้อง ในตอนแรกไม่คิดว่าเป็นของตนเอง แล้วมัคทายกวัด ได้ขึ้นมาบนศาลบอกว่า มีรถโดนทุบและสัญญาณกันขโมยรถร้องไม่หยุด
จากนั้นตนจึงได้ลงมาดูปรากฏว่าเป็นรถของตน จึงได้สำรวจทรัพย์สินที่อยู่ในรถ มีเงินสดจำนวน 2 หมื่นบาทหายไปพร้อมกับโทรศัพท์มือถือ โดยเงินที่คนร้ายได้ไปนั้น ตนพึ่งไปถอนมาเพื่อจะมาจ่ายค่างวดรถคันที่โดนคนร้ายทุบกระจกรถ วอนเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยจับคนร้ายให้ได้ด้วย
พระอาจารย์ชวลิต กิจจะสาโร 52ปี ผู้ช่วยเจ้าอาวาทวัด กล่าวว่า ก่อนนี้เมื่อหลายปีก็มีคนร้ายเข้ามาขโมยจักรยานปั่นของชาวบ้านมาบุญที่วัด คาดว่าคนร้ายอาศัยช่วงจังหวะที่พระสวดมนต์ให้พรญาติโยมอยู่นั้นได้ลงมือก่อเหตุ ซึ่งชาวบ้านที่มาทำบุญพากันอยู่บนศาลกันหมด ทำให้ไม่มีคนเดินผ่านไปมาแถวนั้น
ร.ต.อ.บรรจง พาโคตร เปิดเผยว่า ดูจากพฤติกรรมของคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุ คาดว่าจะมาเดินดูเลือกรถเป้าหมายเสียก่อน จะอาศัยจังหวะพระสวดมนต์ให้พรญาติโยม ทำให้มีเสียงดัง เพื่อจะได้กลบเสียงตอนลงมือก่อเหตุและสัญญาณกันขโมยรถร้อง อย่างไรก็ทางตำรวจจะได้ตรวจสอบกล้องวงปิดเส้นทางที่คนร้ายเข้ามาในวัดและหลบหนี เพื่อเป็นเบาะแส ในการติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป