วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (15 ธ.ค.60)

วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (15 ธ.ค.60)

ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย จากแรงหนุนของข่าวการปิดท่อขนส่งน้ำมัน Forties ในทะเลเหนือ

+ ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย จากความกังวลต่อภาวะอุปทานที่ตึงตัว เนื่องจากท่อส่งน้ำมัน Forties ในทะเลเหนืออาจจะปิดดำเนินการเป็นเวลาหลายสัปดาห์ หลังจากที่ตรวจพบรอยรั่วก่อนหน้านี้ โดยล่าสุด (14 ธ.ค.) ได้มีการประกาศยกเลิกด้วยเหตุสุดวิสัย (Force Majeure) ครั้งแรกในรอบ 30 ปี สำหรับการส่งออกน้ำมันของตลาดน้ำมันทะเลเหนือ

- สำนักงานพลังงานสากล (IEA) คาดการณ์ว่าตลาดน้ำมันดิบจะเผชิญกับภาวะอุปทานล้นตลาดในช่วงครึ่งแรกของปี 2561 จากปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของที่สหรัฐ ที่เพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงเป็นประวัติการณ์ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากปริมาณการผลิตน้ำมันจากชั้นหินดินดาน (Shale Oil) นอกจากนี้ IEA ปรับเพิ่มการคาดการณ์การขยายตัวของอุปทานน้ำมันจากผู้ผลิตนอกกลุ่มโอเปค ซึ่งคาดว่าจะขยายตัวที่ราว 1.6 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2561 ในขณะที่คงการคาดการณ์การเติบโตของอุปสงค์ที่ 1.3 ล้านบาร์เรลต่อวันในปีหน้า

-  สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่าอุตสาหกรรมการผลิตน้ำมัน Shale Oil ของสหรัฐ มีแนวโน้มที่จะได้รับเม็ดเงินลงทุนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากกองทุน hedge fund และบริษัท private equity เพื่อให้การขุดเจาะและผลิตสามารถดำเนินต่อไปได้จนถึงทศวรรษหน้า โดยในไตรมาส 3/60 บริษัท private equity ในสหรัฐ ได้ลงทุนมากกว่า 20,000 ล้านดอลลาร์ ในข้อตกลงด้านการลงทุนด้านพลังงาน ซึ่งมากกว่าปีก่อนหน้าราว 36%

+ ค่าเงินดอลลาร์ อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก จากความวิตกกังวลต่อความไม่แน่นอนในการผลักดันร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของคณะทำงานประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ซึ่งอาจเผชิญกับอุปสรรค หลังวุฒิสมาชิก 2 คน จากพรรครีพับลิกันส่งสัญญาณว่าจะไม่ลงมติสนับสนุนร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีฉบับนี้

ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ จากปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังสหรัฐที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับปริมาณการผลิตน้ำมันเบนซินที่อาจเพิ่มขึ้นหลังจากเหตุไฟไหม้โรงกลั่นของ Indian Oil Corp's ในอินเดียคลี่คลายและกลับมาดำเนินการตามปกติ

ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับแรงหนุนจากความต้องการใช้น้ำมันดีเซลจากยุโรปในช่วงฤดูหนาว

ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้

  • ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 55 - 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
  • ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 62 - 66 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ปัจจัยที่น่าจับตามอง

  • ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ มีแนวโน้มปรับลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 5 ติดต่อกัน จากปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบของสหรัฐ ที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำหลังท่อขนส่งน้ำมันดิบ Keystone กำลังการขนส่งราว 590,000 บาร์เรลต่อวัน ยังไม่สามารถกลับมาดำเนินการได้เต็มกำลังการขนส่ง นอกจากนี้โรงกลั่นน้ำมันดิบในสหรัฐ ยังคงกำลังการผลิตในระดับสูงต่อเนื่อง โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมา ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 8 ธ.ค. ปรับลดลง 5.1 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปีที่ประมาณ 443 ล้านบาร์เรล
  • จับตาสถานการณ์การปิดซ่อมบำรุงท่อขนส่งน้ำมันดิบในทะเลเหนือว่าจะสามารถกลับมาดำเนินการในเร็วนี้ได้หรือไม่ หลังพบรอยร้าวที่ท่อขนส่งน้ำมันดิบ Forties ส่งผลให้ต้องมีการหยุดดำเนินการท่อขนส่งน้ำมันดิบซึ่งมีกำลังการขนส่งอยู่ที่ 450,000 บาร์เรลต่อวัน โดยทันทีและมีการลดกำลังการผลิตลง โดยบริษัท Ineos ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการท่อขนส่งน้ำมันดิบดังกล่าวคาดจะใช้ระยะเวลาหลายสัปดาห์ในการซ่อมแซมท่อขนส่งน้ำมันดิบ Forties
  • ผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปคยังคงเดินหน้าปรับลดกำลังการผลิตลงอย่างต่อเนื่องไปจนถึงปลายปี 2561 และจากการประมาณการของโอเปค ตลาดน้ำมันดิบจะเข้าสู่ภาวะขาดดุลที่ราว 700,000 บาร์เรลต่อวันในปีหน้า โดยล่าสุดในเดือน ม.ค. ซาอุดิอาระเบียปรับลดปริมาณการส่งออกลง 100,000 บาร์เรลต่อวันจากเดือนก่อนหน้าไปยังตลาดเอเชีย ขณะที่คงปริมาณการส่งออกไปยังสหรัฐ และยุโรปในระดับเดิม นอกจากนี้ ผู้ผลิตในกลุ่มโอเปคปรับเพิ่มความร่วมมือในการปรับลดกำลังการผลิตขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 121 จากเดือน ต.ค. ที่ร้อยละ 100

---------------------------------

ที่มา : บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)          

โทร.02-797-2999