'จตุพร'น้ำหนักลด28กก. 'เจ๋ง-กีร์'ถูกเบิกขึ้นศาลคดีก่อการร้าย
อยู่เรือนจำ..ผอมลง!! "จตุพร" น้ำหนักลด28กก. เผย "เจ๋ง ดอกจิก-กีร์ อริสมันต์" ถูกเบิกขึ้นศาลคดีก่อการร้าย
ที่ห้องพิจารณา 909 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันที่ 14 ธ.ค.60 เวลา 09.30 น. ศาลนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกาคดี หมายเลขดำ อ.4176/2552 ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326,328 จากกรณี "นายจตุพร" ปราศรัยเวทีชุมนุมกลุ่มเสื้อแดง เมื่อวันที่ 11 ต.ค.และ 17 ต.ค.52 กล่าวหา "นายอภิสิทธิ์" ประวิงเวลาในการทำความเห็นเสนอต่อสำนักราชเลขาธิการเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษให้นายทักษิณ ชินวัตร ที่กลุ่มเสื้อแดงร่วมกันลงชื่อถวายฎีกา รวมทั้งกล่าวหา "นายอภิสิทธิ์" ทำนองว่าเป็นฆาตกรสั่งฆ่าประชาชนระหว่างการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง
ขณะที่"นายจตุพร" ได้ให้การปฏิเสธต่อสู้คดีโดยปัจจุบัน "นายจตุพร" ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำจากคดีหมิ่นประมาทฯ นายอภิสิทธิ์อีกสำนวนซึ่งศาลฎีกาตัดสินจำคุก 1 ปีไว้ในคดีหมายเลขดำ อ.1962/2552 อีกสำนวนตั้งแต่วันที่ 20 ก.ค.60 ที่ผ่านมา
สำหรับคดีในวันนี้ เดิมศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ พิพากษายืนจำคุก "นายจตุพร" จำฐานหมิ่นประมาทฯ ตามมาตรา 328 รวม 2 กระทงรวมจำคุก 2 ปีโดยไม่รอการลงโทษ เนื่องจากเห็นว่า ประโยคที่ "นายจตุพร" ปราศรัยเป็นการยืนยันว่า "นายอภิสิทธิ์" โจทก์ เป็นอาชญากรสั่งฆ่าประชาชน ไม่ใช่เป็นการกล่าวติชมด้วยความเป็นธรรม ซึ่งทำให้ "นายอภิสิทธิ์" โจทก์ ถูกดูหมิ่นเกลียดชังและทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง
โดยวันนี้ศาลได้เบิกตัว "นายจตุพร" จำเลยมาจากเรือนจำ ซึ่ง ภรรยาและบุตรของนายจตุพร ก็เดินทางมาให้กำลังใจพร้อมกับนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความที่เดินทางมาฟังคำพิพากษาด้วย
ส่วนฝ่ายโจทก์ มีนายบัณฑิต ศิริพันธุ์ ทนายความ รับมอบอำนาจนายอภิสิทธิ์โจทก์ มาร่วมฟังคำพิพากษา ทั้งนี้ ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้วเห็นว่า ที่จำเลย ฎีกาสู้ว่าเป็นการวิพากษ์วิจารณ์แสดงความเห็นโดยสุจริตนั้น จากคลิปวีดีโอและสำเนาการถอดเทปการปราศรัยของนายจตุพร ทั้ง 2 ครั้ง ฟังได้ว่าจำเลยได้ปราศรัยหมิ่นประมาทใส่ความโจทก์ มีจุดประสงค์ให้ประชาชนออกมาขับไล่โจทก์ในฐานะเป็นรัฐบาล ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นการหมิ่นประมาททำให้โจทก์ถูกดูหมิ่นเกลียดชังและทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง จึงเป็นการใส่ร้ายโจทก์ตามฟ้อง
ส่วนที่จำเลย ฎีกาขอให้ศาลลงโทษสถานเบาและรอลงอาญาด้วยนั้น ศาลพิจารณาเเล้วว่า ถ้อยคำที่จำเลยกล่าวนอกจากเป็นการกระทำให้โจทก์เสียหายแล้วมีลักษณะหมิ่นเหม่ พาดพิงกระทบสถาบัน จึงไม่สมควรรอการลงโทษ เเต่ในชั้นฎีกาคำฎีกาของจำเลยยอมรับว่าเป็นผู้ปราศรัย จึงเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา เห็นควรลดโทษให้กึ่งหนึ่ง
จึงพิพากษาเเก้โทษเป็นว่า ให้จำคุกจำเลย 2 กระทงๆละ 6 เดือน เป็นจำคุก 12 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
อย่างไรก็ดี เมื่อศาลฎีกา มีคำพิพากษาให้จำคุกโดยไม่รอลงอาญา "นายจตุพร" ก็ต้องถูกคุมขังต่อไป โดยนับโทษต่อจากคดีหมายเลขดำ อ.1962/2552 ที่หมิ่นนายอภิสิทธิ์ โดยปราศรัยปี 2552 ทำนองว่า รัฐบาลภายใต้ทรราชฟันน้ำนม ที่ศาลฎีกาพิพากษาจำคุกไว้ 1 ปีด้วยซึ่งขณะนี้มีคดีหมิ่นประมาทฯ นายอภิสิทธิ์ที่ถูกตัดสินให้จำคุกจริงแล้ว รวม 2 สำนวน
ขณะที่ สภาพร่างกายของ "นายจตุพร" ปัจจุบันผอมลง แต่วันนี้ที่เดินทางมาศาลก็ยังมีสีหน้ายิ้มแย้ม ยกมือไหว้สวัสดีทักทายผู้มาให้กำลังใจและสื่อมวลชน
โดยนายจตุพร เอง ก็กล่าวสั้นๆ ก่อนขึ้นห้องพิจารณาคดีว่า ช่วงที่เข้าเรือนจำน้ำหนักลดลงไป 28 กิโลกรัม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่วันนี้เมื่อฟังคำพิพากษาฎีกาคดีหมิ่นประมาทฯแล้ว นายจตุพร ก็ยังร่วมฟังการสืบพยานโจทก์คดีอัยการฟ้อง 24 แกนนำ นปช.ก่อการร้ายด้วย ซึ่งวันนี้ศาลก็ได้เบิกตัว นายยศวริศ ชูกล่อมหรือ เจ๋ง ดอกจิก และนายอริสมันต์ หรือกี้ร์ พงษ์เรืองรอง อดีตแกนนำ นปช. ที่ถูกคุมขังในคดีอื่น มาร่วมนัดสืบพยาน พร้อมกับจำเลยอื่นที่ได้รับการประกันตัวด้วย