สมาคมผู้ค้าปลีกชี้ไตรมาสสุดท้ายฟื้นตัวปีนี้โต3.4%

สมาคมผู้ค้าปลีกชี้ไตรมาสสุดท้ายฟื้นตัวปีนี้โต3.4%

สมาคมผู้ค้าปลีกไทยเผยค้าปลีก 9 เดือนแรก “ทรงตัว” ขยายตัว 2.8-3% เชื่อไตรมาสสุดท้ายเติบโตเพิ่มขึ้น ชี้สัญญาณฟื้นตัวกำลังซื้อมากขึ้น คาดทั้งปีโต 3.2-3.4% 

นางสาวจริยา จิราธิวัฒน์ ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย กล่าวว่านับแต่ปี 2556 อุตสาหกรรมค้าปลีกเติบโต“ลดลง” โดยปัจจัยหลักเกิดจากเศรษฐกิจประเทศโดยรวมอยู่ในระหว่างปรับโครงสร้างเศรษฐกิจในเชิงมหภาค ซึ่งยังต้องรอผลจากการดำเนินการอีกหลายปี รวมถึงกำลังซื้อของผู้บริโภคระดับฐานรากยังไม่ดีขึ้นและมีหนี้ครัวเรือนสูง 

นอกจากนี้ยังพบว่ามูลค่ายอดขายสินค้าอุปโภคบริโภค (FMCG หรือ Fast Moving Consumer Goods) ยังลดลงอีกด้วย ด้านภาคครัวเรือนผู้บริโภคระดับกลางยังติดอยู่กับหนี้เครดิตการ์ด การลงทุนภาคอกชนก็ยังไม่ฟื้นตัว และสถานการณ์ราคาสินค้าเกษตรยังมีแนวโน้มไม่ค่อยดีเท่าที่ควร

ทั้งนี้ สถานการณ์ค้าปลีกในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2560 น่าจะเติบโตระหว่าง 2.8-3% คืออยู่ในระดับ“ทรงตัว” อย่างไรก็ตามการเติบโตที่เห็นเด่นชัดในเกือบทุกหมวดสินค้ามีลักษณะกระจุกตัวที่เฉพาะในกรุงเทพและหัวเมืองหลักๆ หมวดที่มีการเติบโตมากยังเป็นหมวดสินค้าซูเปอร์มาร์เก็ต ซึ่งมีเป้าหมายกลุ่มผู้บริโภคคือระดับกลางขึ้นไป อีกหมวดที่เติบโตคือสินค้าสุขภาพและความงาม แยกออกได้เป็น ร้านบิ้วตี้สโตร์ ร้านยา , สินค้าสุขภาพและสินค้าเฉพาะบุคคล 

อย่างไรก็ตามในหมวด สินค้าในห้างสรรพสินค้า ยังคงได้รับผลกระทบจากบรรยากาศการจับจ่ายที่ยังไม่ปกติ และ ราคาสินค้าที่ไม่เอื้ออำนวยในการจับจ่ายแก่นักท่องที่ยวเนื่องจากภาระภาษีนำเข้าของสินค้าแบรนด์หรู  ยังสูงเมื่อเทียบกับประเทศอื่นที่มีนโยบายเกี่ยวกับการลดภาษีแบรนด์หรู จนก่อให้เกิด ชอปปิง เดสทิเนชั่น เพื่อจูงใจนักท่องเที่ยว

ส่วนหมวดการแต่งบ้าน  และ หมวดเครื่องใช้ภายในบ้านและไฟฟ้า ยังไม่เติบโตเท่าที่ควร ซึ่งเป็นผลจากความซบเซาของอุตสาหกรรมก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์

ด้านหมวดอาหาร (ร้านไฮเปอร์มาร์ท,ร้านสะดวกซื้อ) ที่จับกลุ่มลูกค้าระดับกลางลงล่างยังคงประสบปัญหาการเติบโต เนื่องจากกำลังซื้อในกลุ่มกลางลงล่างยังอ่อนแอ มาตรการการผลักดันงบประมาณการใช้จ่ายภาครัฐลงสู่ฐานรากแม้เริ่มมีประสิทธิภาพและส่งผลให้เกิดกำลังซื้อเพิ่มขึ้นแต่ก็เป็นไปค่อนข้างช้า

หลังจากประเทศไทยผ่านช่วงเวลาแห่งการสูญเสียและโศกเศร้าตั้งแต่ปี 2559 ทำให้คนไทยส่วนใหญ่ชะลอการจับจ่าย จนกระทั่งเดือนพฤศจิกายนปี 2560 เป็นต้นมา พบว่าเริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวของกำลังซื้อที่มากขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นผลจากอารมณ์การจับจ่ายเริ่มฟื้นตัวและมาตรการของรัฐบาลในการผลักดันงบประมาณลงสู่เศรษฐกิจฐานรากเริ่มสัมฤทธิผล ประกอบกับการเริ่มเข้าสู่ช่วงเทศกาลจับจ่ายปลายปี ส่งผลให้ไตรมาสที่ 4 ของปี 2560 อุตสาหกรรมภาคค้าปลีกน่าจะดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 4 ของปี 2559 

แม้ว่ามาตรการ “ช้อปช่วยชาติ” ปีนี้จะดำเนินการในเดือนพฤศจิกายน แต่โครงการนี้ก็จะช่วยกระตุ้นผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อปานกลางถึงสูง ได้เริ่มการจับจ่ายโดยหวังการได้รับการลดหย่อนจากภาษี รวมถึงกระทรวงพาณิชย์ ได้ผลักดันโครงการ “ รวมใจ เพิ่มสุข ช้อปสนุก ลดรับปีใหม่” ระหว่างวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ.2560 ถึง วันที่ 4 มกราคม พ.ศ.2561 ซึ่งเป็นการร่วมมือจากผู้ผลิต ผู้จัดจำหน่าย ผู้ค้าปลีก ผู้ค้าส่ง ทั่วประเทศ เพื่อกระตุ้นการบริโภคซึ่งยังผลต่อกำลังซื้อทุกภาคส่วน

สมาคมผู้ค้าปลีกไทยมีความเห็นว่าไตรมาสสุดท้ายของปี เศรษฐกิจจะคึกคักมากขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากการไม่มีอารมณ์การจับจ่ายมานานกว่าปี อีกส่วนหนึ่งมาจากมาตรการบัตรสวัสดิการประชารัฐ ที่ทำให้เม็ดเงินถึงฐานรากช่วยกระตุ้นการจับจ่าย รวมทั้ง โครงการ “ช้อปช่วยชาติ” และโครงการ “รวมใจ เพิ่มสุข ช้อปสนุก ลดรับปีใหม่” รวมทั้งภาคเอกชนมีรายการโปรโมชั่นและกิจกรรมส่งเสริมการขายต่างๆ อัดครบตลอดเทศกาลยาวถึงมกราคม ปีหน้า ทำให้เงินหมุนเวียนเข้าระบบมากขึ้น 

ส่งผลให้ภาพรวมดัชนีค้าปลีกปี 2560 น่าจะดีกว่าที่คาดไว้เมื่อต้นปีเล็กน้อย คาดว่า การเติบโตน่าจะอยู่ราว 3.2-3.4 % ในขณะที่คาดการณ์ว่าจีดีพี ทั้งปี 2560 จะเติบโตที่ 3.9%