แมกโนเลียปั้นแฟลกชิพมิกซ์ยูส‘ฟอเรสเทียส์’9 หมื่นล้าน

แมกโนเลียปั้นแฟลกชิพมิกซ์ยูส‘ฟอเรสเทียส์’9 หมื่นล้าน

นวัตกรรมและเทคโนโลยีมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ พร้อมเชื่อมโยงไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตในที่อยู่อาศัย สถานที่ทำงาน และชุมชน อยู่ในสถานที่เดียวกัน แนวทางทางการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์จึงเป็นรูปแบบผสมผสาน (มิกซ์ยูส) ตอบโจทย์การใช้ชีวิตในยุคนี้

วิสิษฐ์ มาลัยศิริรัตน์  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวลอปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) เปิดเผยว่าได้เปิดตัวแผนการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ บนที่ดินย่านบางนา-ตราด กม.7 พื้นที่ 300 ไร่ ภายใต้โครงการ เดอะ ฟอเรสเทียส์ (The Forestial) รูปแบบมิกซ์ยูส มูลค่า 9 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นโปรเจคแฟลกชิพ รูปแบบการใช้ชีวิตเข้ากับระบบนิเวศทางธรรมชาติ 

โครงการเป็นรูปแบบ “มิกซ์ยูส ไลฟ์สไตล์” ประกอบด้วย ที่อยู่อาศัย พื้นที่รีเทล อาคารและสำนักงาน ศูนย์สุขภาพ อาคารนวัตกรรมแห่งอนาคต ผืนป่าสันทนาการ พื้นที่กิจกรรมสำหรับชุมชน ศูนย์เรียนรู้ และระบบนิเวศธรรมชาติขนาดใหญ่ โดยจะเริ่มก่อสร้างปีหน้า แล้วเสร็จปี 2565

  “โครงการฟอเรสเทียส์ ตอบโจทย์เมกะเทรนด์ สังคมสูงวัย ที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทย รวมทั้งเป็นโปรเจคแฟลกชิพครั้งแรกของโลก ที่ธรรมชาติและสังคมอยู่รวมกัน” ​

  กิตติพันธุ์ อุยยามะพันธุ์ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่าการพัฒนาโครงการฟอเรสเทียส์ ได้ร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลกมาร่วมดีไซน์และสร้างสรรค์โครงการอสังหาฯ ภายใต้คอนเซปต์ “Imagine Happiness” ที่ให้ทุกคนได้ใช้ชีวิตและไลฟ์สไตล์ที่มีความสุขอย่างยั่งยืน

โมเดลโครงการมีทั้ง ที่อยู่อาศัย รีเทล อาคารและสำนักงาน ศูนย์สุขภาพ อาคารนวัตกรรมแห่งอนาคต ผืนป่าสันทนาการ พื้นที่กิจกรรมสำหรับชุมชน ศูนย์เรียนรู้ และนับเป็นครั้งแรกของการสร้างธรรมชาติระบบนิเวศของผืนป่าขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชีย

โครงการประกอบด้วย 4 หมวดใหญ่ คือ 50 Shades of Nature  ใช้ชีวิตท่ามกลางระบบนิเวศธรรมชาติขนาดใหญ่ ที่รวมพืชพันธุ์กว่า 38 สายพันธุ์ และสัตว์กว่า 123 สายพันธุ์ บนพื้นที่เดิมให้สามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับคน รวมทั้งพื้นที่ป่าธรรมชาติ4 ระดับ ได้แก่ ป่าทึบ ป่าเพื่อผู้อยู่อาศัย ป่าแอดเวนเจอร์และศูนย์รวมกิจกรรม และพาวิลเลี่ยนสไตล์ธรรมชาติ

หมวด Connecting 4 Generations การดีไซน์พื้นที่ให้กับครอบครัวใช้ชีวิตร่วมกัน ครอบคลุมถึง 4 เจนเนอเรชั่น ภายในพื้นที่ที่อยู่อาศัยเดียวกันหรือดีไซน์ความเป็นส่วนตัวได้ด้วยรูปแบบที่อยู่อาศัยเฉพาะบุคคล แต่ยังสามารถไปมาหาสู่เพื่อพบปะและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างกัน

หมวด Community of Dreams พื้นที่และสาธารณูปโภคที่ให้ทุกคนได้ทำกิจกรรมร่วมกัน บนพื้นที่ส่วนกลางทางธรรมชาติและเทคโนโลยี และ หมวด Sustainnovation for Well-being เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน การสร้างแนวคิดใหม่ของการใช้ชีวิต โดยการนำเทคโนโลยีมาออกแบบไปกับธรรมชาติ อาทิ การเลือกใช้วัสดุที่เอื้อต่อการประหยัดพลังงานหรือปลอดมลพิษ นวัตกรรมพลังงานสะอาดหรือพลังงานหมุนเวียน เป็นต้น

“เราจับมือกับพันธมิตรชั้นนำระดับโลกที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน มาร่วมสร้างสรรค์ประสบการณ์การอยู่อาศัยภายใต้สิ่งแวดล้อมที่ส่งเสริมให้ผู้อยู่อาศัยมีความสุข นับเป็นโมเดลแรกของโลก”

สำหรับพันธมิตร ได้แก่ Foster + Partners ที่ปรึกษาการออกแบบวางผังและงานสถาปัตยกรรม EEC Engineering Network ร่วมวิจัยและพัฒนางานระบบอาคาร ที่ใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีล้ำหน้าเข้ามาสร้างต้นแบบของงานระบบอาคารที่เน้นความยั่งยืนและความรับผิดชอบ ต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมของโครงการ Atelier Ten ร่วมทำวิจัย ศึกษาและวางแผนการป้องกันผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมซึ่งรวมไปถึงระบบนิเวศให้มีความสมดุลและยั่งยืน โดยการใช้นวัตกรรมต่างๆ รวมถึงเป็นผู้ตรวจสอบและควบคุมการออกแบบและการก่อสร้างเพื่อเป็นต้นแบบของการพัฒนาโครงการชั้นนำของโลก

ส่วน  ITEC Entertainment เป็นผู้สร้างสรรค์ประสบการณ์และสันทนาการที่จะเกิดขึ้นภายในโครงการ เพื่อทำให้ผู้อยู่อาศัยพบกับประสบการณ์พิเศษ Six Senses ร่วมบริหารและให้บริการ ด้านการบริหารโรงแรมและที่อยู่อาศัย (Hospitality and Residential) ที่ยึดหลักการอยู่อาศัยร่วมกับธรรมชาติ สุขภาพ และความยั่งยืน

ในโครงการฟอเรสเทียส์ รูปแบบมิกซ์ยูส ประกอบไปด้วยพื้นที่ที่อยู่อาศัย เช่น วิสซ์ดอม คอนโด ,เรสซิเดนซ์ สำหรับกลุ่มสูงวัย “ดิ แอสเพน ทรี” ,เมดิคอล คอมเพล็กซ์ นอกจากนี้ยังมีโรงแรมบูติค 6 ดาว ,ทาวน์ เซ็นเตอร์ พื้นที่ไลฟ์สไตล์และร้านอาหาร ,อาคารสำนักงาน ,คอมมูนิตี้เซ็นเตอร์