'หมอเสริฐ' ครองแชมป์เศรษฐีหุ้นเป็นปีที่ 5

'หมอเสริฐ' ครองแชมป์เศรษฐีหุ้นเป็นปีที่ 5

"หมอเสริฐ" ครองแชมป์เศรษฐีหุ้นไทยเป็นปีที่ 5 แม้มูลค่าลดลง 5.53% แต่ยังรวย 6.35 หมื่นล้านบาท ด้าน "พิชญ์ โพธารามิก" คว้าอันดับ 2 "สมโภชน์ อาหุนัย" ก้าวขึ้นอันดับ 3

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปีนี้เป็นปีที่ 24 แล้วที่ วารสารการเงินธนาคาร ร่วมกับ อาจารย์ประจำคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทำการจัดอันดับเศรษฐีหุ้นไทย

สำหรับผลการจัดอันดับเศรษฐีหุ้นไทยใน วารสารการเงินธนาคาร ฉบับเดือนธันวาคม 2560 ปรากฏว่า น.พ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ หรือ หมอเสริฐ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ เจ้าของกลุ่มโรงพยาบาลกรุงเทพ ยังคงรักษาตำแหน่ง แชมป์เศรษฐีหุ้นไทยปี 2560 ไว้ได้อีกปี ซึ่งหมอเสริฐได้ครองตำแหน่งเศรษฐีหุ้นไทยอันดับ 1 ติดต่อกันเป็นปีที่ 5 แล้ว โดยในปี 2560 นี้ หมอเสริฐถือครองหุ้นมูลค่าสูงสุดเป็นอันดับ 1 รวม 63,527.30 ล้านบาท แม้ว่าปีนี้ความมั่งคั่งจะลดลง 3,717.41 ล้านบาท หรือ 5.53% ก็ตาม

หุ้นที่หมอเสริฐถือครองมี 3 บริษัท ได้แก่ บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) หรือโรงพยาบาลกรุงเทพ โดยเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 ในสัดส่วน 18.68% รวมมูลค่า 59,318.85 ล้านบาท บมจ.การบินกรุงเทพ (BA) เจ้าของสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส 10.61% มูลค่า 4,143.66 ล้านบาท และ บมจ.โรงพยาบาลนนทเวช (NTV) 0.79% มูลค่า 64.79 ล้านบาท

เศรษฐีหุ้นอันดับ 2 ได้แก่ พิชญ์ โพธารามิก ทายาทคนเดียวของอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ อดิศัย โพธารามิก ผู้ก่อตั้ง บมจ.จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล (JAS) ก้าวขึ้นจากอันดับ 7 เมื่อปีที่แล้ว โดยถือหุ้นมูลค่ารวม 44,082.93 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 24,195.99 ล้านบาท หรือ 121.67%

ความมั่งคั่งของพิชญ์ที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดในปีนี้ เนื่องจากได้เพิ่มสัดส่วนการถือครองหุ้น JAS เป็น 66.13% จาก 25.84% เมื่อปีที่แล้ว หรือเพิ่มขึ้นถึง 40.29% รวมมูลค่า 35,221.02 ล้านบาท และยังถือหุ้น บมจ.โมโน เทคโนโลยี (MONO) ในสัดส่วน 68.30% มูลค่า 8,861.92 ล้านบาท

เศรษฐีหุ้นอันดับ 3 ได้แก่ สมโภชน์ อาหุนัย เจ้าของ บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) กิจการธุรกิจพลังงาน จำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซล และจำหน่ายกระแสไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ก้าวขึ้นมาจากอันดับ 6 เมื่อปีที่แล้ว โดยมีมูลค่าหุ้นที่ถือครองรวม 33,269.30 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10,861.38 ล้านบาท หรือ 48.47%

ทั้งนี้ แม้ว่าสัดส่วนการถือหุ้นของสมโภชน์ใน EA ยังอยู่ที่ 23.30% เท่ากับปีที่แล้ว แต่ราคาหุ้น EA ได้ปรับตัวสูงขึ้นถึง 12.50 บาท หรือ 48.54% ส่งผลให้มูลค่าหุ้น EA ที่สมโภชน์ถือครองมีมูลค่าสูงขึ้นเป็น 33,245.38 ล้านบาท เมื่อรวมกับหุ้น บมจ.อีเทอเนิล เอนเนอยี (EE) ในสัดส่วน 0.83% มูลค่า 23.92 ล้านบาท ทำให้มูลค่าความมั่งคั่งของสมโภชน์ในปีนี้เพิ่มสูงขึ้นกว่าหมื่นล้านบาท

เศรษฐีหุ้นอันดับ 4 ได้แก่ ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท (PSH) ร่วงจากอันดับ 3 เมื่อปีที่แล้ว โดยมีมูลค่าหุ้นที่ถือครองรวม 31,037.39 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,755.99 ล้านบาท หรือ 6% หุ้นที่ทองมาถือครองประกอบด้วย PSH 60.09% มูลค่า 30,879.23 ล้านบาท และ บมจ.แอล.พี.เอ็น ดีเวลลอปเมนท์ (LPN) 0.86% มูลค่า 158.15 ล้านบาท

เศรษฐีหุ้นอันดับ 5 ได้แก่ นิติ โอสถานุเคราะห์ นักลงทุนรายใหญ่ทายาทอาณาจักรโอสถสภา หล่น จากอันดับ 4 เมื่อปีที่แล้ว โดยถือครองหุ้นมูลค่ารวม 28,897.84 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,750.59 ล้านบาท หรือ 6.45% สำหรับพอร์ตหุ้นของนิติประกอบด้วยหุ้นทั้งหมด 13 บริษัท ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนระยะยาว โดยไม่มีการเปลี่ยนตัวหุ้นและสัดส่วนของหุ้นที่ถือมากนัก

เศรษฐีหุ้นอันดับ 6 ได้แก่ คีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) ร่วงจากอันดับ 2 เมื่อปีที่แล้ว โดยหุ้นที่คีรีถือครองรวมมูลค่าทั้งสิ้น 28,890.44 ล้านบาท ลดลง 458.16 ล้านบาท หรือ 1.56% ประกอบด้วย หุ้น BTS ในสัดส่วน 27.48% มูลค่า 28,053.96 ล้านบาท กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งมวลชนทางราง บีทีเอสโกรท (BTSGF) 0.94% มูลค่า 622.65 ล้านบาท บมจ.วี จี ไอ โกลบอล มีเดีย ( VGI) 0.54% มูลค่า 213.83 ล้านบาท

เศรษฐีหุ้นอันดับ 7 ได้แก่ อนันต์ อัศวโภคิน ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ หล่นจากอันดับ 5 เมื่อปีที่แล้ว โดยถือครองหุ้นมูลค่ารวม 28,320.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,719.60 ล้านบาท หรือ 10.62% ประกอบด้วย บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH) 23.93% มูลค่า 28,305.76 ล้านบาท และ บมจ.แมนดาริน โฮเต็ล (MANRIN) 1.36% มูลค่า 14.29 ล้านบาท

เศรษฐีหุ้นอันดับ 8 ได้แก่ ชูชาติ เพ็ชรอำไพ ก้าวขึ้นจากอันดับ 10 เมื่อปีที่แล้ว โดยถือครองหุ้นรวมมูลค่า 25,727.70 ล้านบาท รวยขึ้น 11,066.45 ล้านบาท หรือ 75.48% หุ้นที่ชูชาติถือครอง นอกจาก MTLS ในสัดส่วน 33.87% มูลค่า 25,311.49 ล้านบาท แล้วยังถือหุ้น บมจ.เอฟเอ็น แฟคตอรี่ เอ๊าท์เลท (FN) 95.28 ล้านบาท บมจ.อินเตอร์ลิงค์ เทเลคอม (ITEL) 244.20 ล้านบาท บมจ.เอสจีเอฟ แคปปิตอล(SGF) 19.20 ล้านบาท บมจ.โซลาร์ตรอน (SOLAR) 30.65 ล้านบาท บมจ.ที.เอ.ซี. คอนซูเมอร์ (TACC) 26.88 ล้านบาท

เศรษฐีหุ้นอันดับ 9 ได้แก่ ดาวนภา เพชรอำไพ ก็ก้าวขึ้นมาจากอันดับ 12 เมื่อปีที่แล้ว โดยถือหุ้น MTLS ในสัดส่วน 33.96% มูลค่า 25,380 ล้านบาท รวยขึ้น 12,060 ล้านบาท หรือ 90.54% เนื่องจากราคาหุ้น MTLS ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 18.50 บาท เมื่อปีที่แล้ว มาอยู่ที่ 38.25 บาท ณ 30 กันยายน 2560 เพิ่มขึ้น 19.75 บาท หรือ 106.76%

เศรษฐีหุ้นอันดับ 10 ได้แก่ ธิดา แก้วบุตตา กรรมการผู้จัดการ บมจ.ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น (SAWAD) ก้าวขึ้นจากอันดับ 15 เมื่อปีที่แล้ว โดยถือหุ้น SAWAD สูงสุดเป็นอันดับ 1 ในสัดส่วน 31.28% มูลค่า 20,404.56 ล้านบาท รวยขึ้น 8,546.12 ล้านบาท หรือ 72.07% จากราคาหุ้น SAWAD สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดย ณ 30 กันยายน 2560 ราคาขึ้นมาอยู่ที่ 60 บาทเพิ่มขึ้นถึง 24 บาท หรือ 66.67% จากราคา 36 บาท เมื่อปีที่แล้ว

\'หมอเสริฐ\' ครองแชมป์เศรษฐีหุ้นเป็นปีที่ 5

สำหรับแชมป์ตระกูลเศรษฐีหุ้นไทยปี 2560 ได้แก่ ตระกูลปราสาททองโอสถ โดยครองแชมป์ตระกูลเศรษฐีหุ้นไทยได้ในปีนี้เป็นปีที่ 3 แล้ว จาก 6 เครือญาติในตระกูล ได้แก่ น.พ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ และ 5 ทายาท พุฒิพงศ์ สมฤทัย อาริญา ปรมาภรณ์ และพลตำรวจโทวิสนุ ที่ถือครองหุ้นรวมกันเป็นมูลค่า 96,299.28 ล้านบาท ลดลง 11,618.82 ล้านบาท หรือ 10.77%

ตระกูลเศรษฐีหุ้นอันดับ 2 ยังคงเป็นของตระกูลจิราธิวัฒน์ เครือญาติเศรษฐีหุ้นในตระกูล 41 คน ถือครองหุ้นรวมกันทั้งสิ้น 69,737.98 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11,595.82 ล้านบาท หรือ 19.94%

ตระกูลเศรษฐีหุ้นไทยอันดับ 3 ได้แก่ ตระกูลเพ็ชรอำไพ-เพชรอำไพ โดย 3 เครือญาติเจ้าของ บมจ.เมืองไทยลิสซิ่ง (MTLS) ชูชาติ เพ็ชรอำไพ ดาวนภา เพชรอำไพ และศึกษิต เพชรอำไพ ถือครองหุ้นรวมมูลค่า 51,640.37 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23,154.07 ล้านบาท หรือ 81.28%

ตระกูลโพธารามิก ก้าวขึ้นมาอยู่ในอันดับ 4 โดยพิชญ์ โพธารามิก ถือหุ้นรวมมูลค่า 44,082.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24,195.99 ล้านบาท หรือ 121.67% และตระกูลเศรษฐีหุ้นอันดับ 5 ได้แก่ ตระกูลกาญจนพาสน์ โดย 5 เครือญาติในตระกูล ได้แก่ คีรี อนันต์ กวิน ชัยสิทธิ์ และสาคร กาญจนพาสน์ ถือครองหุ้น รวมมูลค่า 42,906.75 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 696.21 ล้านบาท หรือ 1.65%