จับแก๊งคอลฯ21ราย เหิมอ้างผบช.ภ.5ตุ๋นเหยื่อ ของกลาง120ล้าน

จับแก๊งคอลฯ21ราย เหิมอ้างผบช.ภ.5ตุ๋นเหยื่อ ของกลาง120ล้าน

"บิ๊กตร." แถลงจับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รวบอีก21ราย ทั้งไทยและต่างชาติ สุดเหิมอ้างชื่อ "ผบช.ภ.5" หลอกเหยื่อ เผยได้ของกลางมูลค่ารวมกว่า 120 ล้าน

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2560 พล.ต.ท.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ รรท.ที่ปรึกษาพิเศษตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผบช.ภ.5 พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รรท.รองผบช.ทท. พร้อมด้วยกองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษหรือ 191 และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) แถลงการจับกุมเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติ 21 ราย ครั้งที่ 4 พร้อมของกลางมูลค่ารวมกว่า 120 ล้านบาท มีทั้งชาวไทย 18 ราย ชาวต่างชาติอีก 3 ราย โดยมีนายอภิชาติ กัณตวิสิฐ สัญชาติไทย พร้อมพวกซึ่งเป็นคนไทย 17 ราย ในข้อหา “ฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น”, “ร่วมกันใช้หรือมีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นฯ” โดยมีนายอภิชาต อยู่ในระดับสั่งการ และชาวต่างชาติ 3 ราย คือนายซู โป ชู นายทัง เกียว ยู สัญชาติไต้หวัน ในข้อหา “มีไว้ซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบฯ” ส่วนนายลิน จีนา เว่ย สัญชาติไต้หวัน ในข้อหา “อยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด” หรือโอเวอร์สเตย์

พล.ต.ท.ธนิตศักดิ์ กล่าวว่า เครือข่ายและแผนประทุษกรรมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มีพฤติการณ์โดยหัวหน้าใหญ่ได้ประสานให้หน่วยคอลเซ็นเตอร์ ที่ประจำการอยู่ในประเทศต่างๆ หลอกลวงผู้เสียหายอีกประเทศหนึ่ง โดยใช้แผนประทุษกรรมอ้างตัวเป็นเจ้าพนักงานของรัฐฯ ว่ามีข้อมูลทางการเงินพัวพันกับองค์กรอาชญากรรม จะต้องถูกดำเนินคดีอายัดทรัพย์ และเมื่อเหยื่อหลงเชื่อก็จะให้โอนเงินผ่านบัญชีผู้รับจ้างเปิดบัญชี ก่อนจะมีคนที่ทำหน้าที่กดเงินรวบรวมฟอกเงินและกระจายเงินไปผ่านระบบบิทคอยน์ (bitcoin) แล้วเงินก็จะถูกนำไปรวบรวมที่กลุ่มผู้ดำเนินการระดับบริหารทั้งไทยและจีน ก่อนเงินจะกลับไปสิ้นสุดที่หัวหน้าใหญ่ที่สั่งการ

ด้าน พล.ต.ท.สาคร กล่าวว่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์ มีอยู่มากในประเทศไทย ซึ่งมีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ สร้างความเสียหายกับประชาชนจำนวนมาก อีกทั้งยังพบว่า เคยมีการนำชื่อของตนเองไปแอบอ้างในพื้นที่จังหวัดทางภาคใต้ ทำให้เจ้าหน้าที่จะต้องเร่งกวาดล้างแก๊งลักษณะดังกล่าวใหหมดไปโดยเร็ว เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนถูกหลอกจนเสียทรัพย์สินจำนวนมาก

ขณะที่ พล.ต.ท.พูลทรัพย์ กล่าวว่า ในพื้นที่ภาค 5 รับไว้จำนวน 17 คดี มูลค่าความเสียหายประมาณ 16 ล้านบาท แต่จริงๆแล้ว มีมากกว่านี้ โดยมีการแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่างๆ โดยเฉพาะตัวผมเองก็ยังเคยถูกแอบอ้างชื่อถึง 2 ครั้ง เจ้าหน้าที่จึงได้สืบสวนติดตามคดีมาแล้วกว่าครึ่งปี กระทั่งสามารถออกหมายจับได้ 33 หมาย กระทั่งวันที่ 6 ธ.ค.ที่ผ่านมาตำรวจท่องเที่ยว ร่วมกับตำรวจภูธรภาค 5 เข้าปิดล้อมตรวจค้นจับกุมได้ จำนวน 18 คน บางรายจับได้ที่กรุงเทพ และยังเหลืออีก 15 หมายจับ อีกทั้งยังทราบว่ามีการไปทำงานเป็นคอลเซ็นเตอร์ที่ต่างประเทศอีกด้วย ซึ่งจะเร่งสืบสวนติดตามจับกุมต่อไป

"ที่ผ่านมาตำรวจภาค 5 พยายามแจ้งเตือนพี่น้องประชาชนผ่ายหลายช่องทาง แต่ก็ไม่ค่อยได้รับความสนใจ แต่พอเกิดกรณีของเจ้าหน้าที่ธนาคาร ที่สนทนากับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทำให้ประชาชนตื่นตัวขึ้นมาเยอะ" ผบช.ภ.5 กล่าว

ทางด้าน นายพีระพัฒน์ อิงพงษ์พันธ์ ผู้แทนเลขา ปปง. กล่าวว่า ปปง. ได้ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการกวาดล้างจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่กระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ และพี่น้องประชาชน ปปง.จะไม่รอรับเรื่องกับตำรวจอย่างเดียว จะดำเนินการสอดรับทำงานคู่ขนานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตำรวจดำเนินการสืบสวนสอบสวนดำเนินคดี ส่วน ปปง.ก็จะดำเนินการวิเคราะห์เส้นทางการเงินของผู้กระทำความผิด ยึดอายัดทรัพย์ตามกฎหมายของ ปปง. ท้ายที่สุดเข้ารับการคุ้มครองสิทธิ์ที่พี่น้องประชาชนได้รับความเสียหาย

“ต่อไปนี้จะดำเนินการอย่างเข้มงวดกับผู้รับจ้างเปิดบัญชี ซึ่งเป็นต้นตอของการกระทำความผิด เดิมทีอาจมีการปล่อยปะละเลยบ้าง เพราะพี่น้องประชาชนอาจไม่ทราบ การรับจ้างเปิดบัญชีส่งผลเสียต่อชาติอย่างไร ต่อไปทาง ปปง.จะตรวจสอบเส้นทางการเงินยึดทรัพย์ รวมทั้งญาติพี่น้องที่พบเส้นทางการเงินเกี่ยวข้อง นอกจากถูกเจ้าหน้าที่ดำเนินคดีแล้ว ปปง.ยังดำเนินอายัดทรัพย์ทั้งหมด พ่อแม่พี่น้องก็จะโดนไปด้วย ไม่เหมือนที่ผ่านมาตัวติดคุกยังเหลือตังค์ให้กับคนในครอบครับใช้” ผู้แทนเลขา ปปง.

สำหรับการสืบสวนติดตามจับกุมกลุ่มผู้ร่วมกระทำความผิดจากการปฏิบัติการทั้ง 4 ครั้ง สามารถขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการได้ 146 หมายจับ จับกุมได้ 98 หมายจับ ผู้ต้องหาอยู่ต่างประเทศ 7 หมายจับและอยู่ระหว่างสืบสวนติดตามจับกุม 41 หมายจับ ทั้งนี้มีผู้ต้องหาที่หลบหนีอยู่ในต่างประเทศอีก ซึ่งตำรวจก็กำลังเร่งติดตามให้เร็วที่สุด ส่วนข้อมูลขณะนี้เชื่อว่ายังมีกลุ่มผู้ร่วมขบวนการที่มากกว่าเดิมอีก