งานเข้า! 'รองปลัดยธ.' จ่อถูกตร.เรียกสอบหนุนรื้อคดีจอมทรัพย์

เมื่อเวลา11.00 น. วันที่28 พฤศจิกายน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รรท.รองผบ.ตร. ในฐานะโฆษก ตร. ประชุมวีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ กับ พล.ต.ต.สุวิชาญ ญาณกิตติกูล ผบก.ภ.จว.นครพนม และพนักงานสอบสวน เพื่อติดตามความคืบหน้าดำเนินคดีกับขบวนการรับจ้างติดคุกคดีครูจอมทรัพย์ หรือ นางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร อายุ 55 ปี อดีตข้าราชการครู ที่ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีขับรถชนคนตาย ซึ่งศาลฎีกายกคำร้อง เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2560 ที่ผ่านมา โดยใช้เวลาประชุมประมาณ 30 นาที

พล.ต.อ.วิระชัย กล่าวว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนได้ทำหนังสือไปยังกระทรวงยุติธรรม เพื่อขอข้อมูลการสืบสวนสอบสวน นำมากำหนดประเด็นและตัวบุคคล ที่จะต้องเรียกมาสอบสวน คาดว่า 1-2 วัน กระทรวงยุติธรรม จะส่งเอกสารให้พนักงานสอบสวน ในจำนวนนี้ รวมถึง พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ซึ่งสนับสนุนให้เกิดการรื้อฟื้นคดี หลังจากนางจอมทรัพย์ เข้าร้องเรียน โดยจะสอบในฐานะพยานฐานเป็นเจ้าหน้าที่ อย่างไรก็ตาม ตนยืนยันว่าไม่อึดอัดใจที่เรียก พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ที่เป็นเพื่อนนักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น 37 มาสอบปากคำ เพราะต่างคนต่างทำหน้าที่

ทั้งนี้ ได้กำชับให้พนักงานสอบสวนเร่งสอบปากคำพยานให้แล้วเสร็จภายในวันนี้ หากพยานอยู่ กรุงเทพมหานครฯ จะเชิญมาสอบที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หากอยู่ต่างจังหวัดจะส่งพนักงานสอบสวนไปสอบปากคำ เพื่ออำนวยความสะดวก พร้อมย้ำจะดำเนินคดีกับทุกคนที่ร่วมกับนางจอมทรัพย์ สร้างพยานหลักฐานเท็จ ส่วนการเรียกสอบปากคำ นายณัชพล สุพัฒนะ หรือ มาร์ค พิทบลู เนื่องจากเป็นผู้เรี่ยไรเงินช่วยเหลือ นางจอมทรัพย์ ส่วนตัวมองว่าผู้ช่วยเหลือมีเจตนาดี แต่ต้องเรียกสอบปากคำเช่นกัน

พล.ต.อ.วิระชัย กล่าวอีกว่า หลังศาลยกคำร้องขอรื้อฟื้นคดีนางจอมทรัพย์ ขับรถยนต์ชนคนตาย กระทรวงยุติธรรมหรือหน่วยอื่น คนอื่น ยังไม่เคยแสดงท่าทีขอโทษกับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และพนักงานสอบสวนคดีดังกล่าว ทั้งที่กระแสสังคมโจมตีอย่างรุนแรงในช่วงที่ความจริงทั้งหมดยังไม่ปรากฏ

ทั้งนี้มีรายงานว่าพนักงานสอบสวนกำหนดประเด็นสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องในคดีอย่างชัดเจน อาทิ จะประสานขอข้อมูลกับทางเรือนจำถึงบุคคลที่เข้าเยี่ยมนางจอมทรัพย์ หากมีเทปการสนทนาผ่านโทรศัพท์ระหว่างจำเลยกับผู้เข้าเยี่ยม ก็จะขอตรวจสอบด้วย ส่วนประเด็นเกี่ยวกับ นายสัป วาปี พนักงานสอบสวนเร่งตรวจสอบที่มาของเงิน 1 แสน 7 หมื่นบาท ว่าในช่วงเวลาดังกล่าวมีใครถอนเงินจากธนาคาร ในจำนวนที่ใกล้เคียงหรือไม่