‘อาร์เอส’ทรานส์ฟอร์มธุรกิจดันรายได้ปีหน้า 5.3 พันล้าน

‘อาร์เอส’ทรานส์ฟอร์มธุรกิจดันรายได้ปีหน้า 5.3 พันล้าน

“อาร์เอส” โชว์วิสัยทัศน์ธุรกิจปี61 ชูแนวคิด“ทำธุรกิจใหม่ไร้กรอบ” ดันรายได้ 5,300 ล้านบาท ชี้อานิสงส์ “ทรานฟอร์มบิสิเนส”สำเร็จ กลุ่มเฮลท์แอนด์บิวตี้มาแรงแซงมีเดีย

นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าตามที่ภาครัฐมองว่าเศรษฐกิจไทยปี 2561 จะสดใส คาดจีดีพี ขยายตัวมากกว่า 4% เมื่อเทียบกับปีนี้ เพราะได้ปัจจัยบวกหนุนหลายด้าน อาทิ ภาครัฐลงทุนพัฒนาประเทศอย่างเมกะโปรเจค, อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเติบโตต่อเนื่อง, ตัวเลขส่งออกสินค้าขยายตัว, มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างช้อปช่วยชาติ ขณะที่สถานการณ์การเมืองในประเทศมีเสถียรภาพ ส่งผลให้ประชาชนมีกำลังซื้อดีขึ้น สอดคล้องกับเม็ดเงินโฆษณาที่ส่งสัญญาณฟื้นตัว 

ดังนั้น บริษัทจึงวางยุทธศาสตร์การดำเนินธุรกิจตามวิสัยทัศน์ปี 2561 ด้วยความรัดกุม รอบคอบ และชัดเจน ทำให้คาดว่าผลการดำเนินงานจะดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทั้งเติบโตก้าวกระโดดและแข็งแกร่ง

หลังจาก อาร์เอส “ทรานฟอร์มธุรกิจ”สำเร็จในปีนี้ ปีหน้าจะเดินหน้าขับเคลื่อนองค์กรภายใต้แนวคิด “ทำธุรกิจใหม่ไร้กรอบ (Beyond the Limit)” รุกเปิดโอกาสตัวเองกับธุรกิจใหม่ๆ ที่น่าสนใจ โดยนำธุรกิจเรือธงที่มีประสิทธิภาพอยู่แล้ว ได้แก่ ไลฟ์สตาร์, ช่อง 8, คูล, เพลง และแซทเทิลไลท์ทีวี มาผสานการทำงานร่วมกัน ด้วยบิสิเนส โมเดลที่เป็นเอกลักษณ์ (Unique) ไม่เหมือนใคร ช่วยส่งเสริมผลักดันให้ทุกธุรกิจในเครือมีศักยภาพยิ่งขึ้น 

“ปีหน้าเชื่อว่าจะเป็นปีพิเศษที่น่าตื่นเต้น สนุก ท้าทาย ได้เห็น Turning Point จุดเปลี่ยนพลิกผันของบริษัท จากอานิสงส์ธุรกิจเฮลท์แอนด์บิวตี้มียอดขายลบสถิติในเดือนก่อนหน้าอย่างต่อเนื่องทุกเดือน และยังทำมาร์จิ้นได้สูงกว่าคู่แข่งในตลาด” 

ทั้งนี้ ปี 2561 วางเป้าหมายรายได้รวม 5,300 ล้านบาท ถือเป็นตัวเลขสูงสุดเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทในปี 2524  หรือรอบ 36 ปี   โดยแบ่งสัดส่วนมาจากธุรกิจเฮลท์แอนด์บิวตี้ 47% ตามด้วยธุรกิจสื่อ 46% ธุรกิจเพลง 5% และธุรกิจอีเวนต์ 2%

“ไลฟ์สตาร์” ธุรกิจเฮลท์แอนด์บิวตี้ ตั้งเป้ารายได้ปีหน้า  2,500 ล้านบาท จากการใช้กลยุทธ์ Product Champion คัดสรรและพัฒนาสินค้าใหม่ทำตลาดต่อเนื่อง  ปัจจุบันมี 3 แบรนด์เจาะ 3 ตลาด ได้แก่ “มาจีค” ทำตลาดกลุ่มสกินแคร์, “รีไวฟ์” ทำตลาดกลุ่มแฮร์แคร์ และ “เอส.โอ.เอ็ม” ทำตลาดกลุ่มอาหารเสริม ซึ่งมีแผนจะส่งสินค้าใหม่อีกกว่า 30 รายการ จากทุกวันนี้มีแล้ว 37 รายการ

ด้าน “ช่อง 8” ตั้งเป้ารายได้ 2,000 ล้านบาท จากการใช้กลยุทธ์ “ไพร์มไทม์ โฟกัส” ในช่วงเวลาเช้า 6.00-9.00 น. และช่วงค่ำ 18.00-22.00 น. ดึงคอนเทนต์พรีเมียมทั้งในและต่างประเทศลงจอ คาดว่าสิ้นปีหน้าจะมียอดผู้ชม 7 แสนรายต่อนาที เตรียมปรับขึ้นค่าโฆษณาเพิ่มอีก 45% เริ่มมีผลตั้งแต่เดือนมกราคม 2561 

ฟาก “ธุรกิจเพลง” ได้ปรับตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นธุรกิจ“ต้นน้ำ” ต่อยอดสร้างธุรกิจใหม่ๆ ได้ จึงยังไม่มีนโยบายจะยุติหรือยกเลิกทำแต่อย่างใด ปีหน้าตั้งเป้ารายได้ 250 ล้านบาท จากการใช้กลยุทธ์ Artist Centric ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ดนตรีไร้ขอบ” ไม่ได้จำกัดอยู่ที่เพลงลูกทุ่งเพียงอย่างเดียว แต่เป็นค่ายเพลงที่ตอบโจทย์คนฟังครบถ้วนทุกแนวเพลง 

โดยเริ่มใช้โลโก้ “อาร์สยาม” โฉมใหม่วันที่ 1 ธ.ค.นี้้ ขณะเดียวกันมองศิลปินเป็นคอนเทนต์รุกเพิ่มขีดความสามารถบริหารจัดการเพื่อสร้างรายได้ทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นรายได้งานโชว์ตัวตามคอนเสิร์ตและอีเวนท์ต่างๆ รวมไปถึงพรีเซนเตอร์สินค้า การแสดงทั้งละครและภาพยนตร์ เป็นต้น สตรีมมิ่งและดาวน์โหลดเพลง ตลอดจนจัดเก็บลิขสิทธิ์เพลง คาดว่าจะออกซิงเกิ้ลไม่ต่ำกว่า 40 เพลงต่อปี

ขณะที่ธุรกิจวิทยุ “คูลฟาเรนไฮต์” ใช้กลยุทธ์ ดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่น เร่งขยายฐานออนไลน์ต่อเนื่อง เจาะกลุ่มเจน ซี ทุกเพศทุกวัยอายุระหว่าง 20-44 ปี ที่มีความคิดและพฤติกรรมเชื่อมต่อกับโลกออนไลน์ได้ตลอดเวลา ตอกย้ำความสำเร็จหลังผันตัวเองจาก เรดิโอ (วิทยุ) มาเป็น ออดิโอ (เสียง) ซึ่งมีฐานผู้ฟังออนไลน์เติบโตก้าวกระโดด