MORNING CALL ACTION NOTES (27 พ.ย.60)

MORNING CALL ACTION NOTES (27 พ.ย.60)

อ่อนตัว

ภาวะตลาดหุ้นไทยวันก่อน ปรับตัวลงจากแรงขายในกลุ่ม ENERG COMM ซึ่งเป็นกลุ่มหลักที่ประคอง SET index ตั้งแต่ช่วงต้นสัปดาห์ก่อนหน้า โดย SET Index ปิดที่ 1695.84 จุด (-11.54 จุด) Volume 5.65 หมื่นลบ. โดย Foreign Net -732.02 ลบ.  TFEX Net -4,350 สัญญา ตราสารหนี้ +491 ลบ.

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

+ดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นโดยตลาดได้รับปัจจัยหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มค้าปลีกจากการจับจ่ายใช้สอยในวันขอบคุณพระเจ้า

+น้ำมันดิบปรับขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี จากความคาดหวังว่าการประชุมโอเปกวันที่ 30 พ.ย. จะขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน

+ ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนีปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 117.5 ในเดือนพ.ย.

+ เม็ดเงินลงทุน LTF RMF ในช่วงปลายปี

-ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิต และภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ร่วงลงแตะระดับ 54.6 ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือน

+/- Fund Flow ยังผันผวนต่างชาติขายติดต่อกันเป็นวันที่ 2 รวม 1.1 พันล้านบาท ขณะที่เงินบาทแข็งค่า 32.70 Bath/USD โดยนักลงทุนต่างชาติยังมีสถานะ Short TFEX ตั้งแต่เดือน ก.ย. ราว  1.16 แสนสัญญา)

ภาวะตลาดหุ้นไทยได้รับปัจจัยบวกจากตลาดหุ้นต่างประเทศ ราคาน้ำมันแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี เม็ดเงินลงทุนในกองทุน LTF RMF และภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศฟื้นตัวในช่วงปลายปี โดยมีปัจจัยลบจากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า และ fund flow ต่างชาติที่ยังผันผวน  คาดวันนี้ SET จะอ่อนตัวลงโดยมองกรอบระหว่างวันที่ 1,685-1,702 จุด

กลยุทธ์การลงทุน   เก็งกำไรกลุ่มที่มีปัจจัยสนับสนุน

- SUPER SSP PSTC BGRIM BPP KSL ผ่านคุณสมบัติ SPP Hybrid ประกาศผล 14 ธ.ค. นี้

- ERW ปลัดท่องเที่ยว หนุนใช้มาตรการภาษีกระตุ้นเที่ยวไทยเที่ยวไทย

- หุ้นที่ MSCI Thailand เพิ่มน้ำหนัก IVL TOP SCB PTTGC KBANK และใน MSCI Small Cap เพิ่ม BEC GGC ORI VNT WHAUP  มีผล 30 พ.ย.

- หุ้นที่ผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ANAN COMAN XO MALEE TPCH TWPC JUBILE AMA

- กลุ่มรับเหมาฯ การจัดต้องไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ โครงการ PPP และรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2

หุ้นแนะนำพิเศษ

ADVANC (ราคาปิด 177.5 บาท Bloomberg Consensus 208.11 บาท)

  • ADVANC เปิดเกมรุกธุรกิจปี 2561 ใส่เกียร์ลุยขยายฐานกลุ่มลูกค้าองค์กรเต็มสูบหลังดึง CSL เสริมทัพ ตั้งเป้าภายใน 3 ปี รายได้จากกลุ่มลูกค้าองค์กรจะโตขึ้นเป็น 25% ของรายได้รวม แถมยังครองแชมป์เบอร์ 1 ฐานลูกค้ามือ 19 ล้านราย (ที่มา : หนังสือพิมพ์ทันหุ้น)
  • ภายหลังจากการประกาศการเข้าซื้อ CSL จาก THCOM ตั้งแต่วันที่ 6 ต.ค. 60 ล่าสุด ตั้งเป้าหมายสัดส่วนรายได้ที่จะมาจากการรุกกลุ่มลูกค้าองค์กร (ปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้ 10%) ให้เพิ่มขึ้นเป็น 25% ภายในปี 63 น่าจะเป็นการเติบโตส่วนเพิ่มอีกปีละราว 5% นอกเหนือจากแนวโน้มผลกำไรที่จะทยอยฟื้นตัวหลังผ่านพ้นช่วง Capital Intensive ในระยะเวลา 3 – 5 ปี ที่ผ่านมา (จาก 6 หมื่น ลบ. เป็น 5.5 หมื่น ลบ.) และคาดจะทยอยลดลงนับจากนี้ ด้าน Bloomberg Consensus คาดรายได้รวมปี 61 เติบโตเพียง 4% ยังมีโอกาสให้ปรับเพิ่มประมาณหากตลาดใหม่มีผลงานชัดเจน ปัจจุบันด้วย Upside ราว 18% แนะนำ “ทยอยซื้อสะสม”

หุ้นมีข่าว   

CBG Analyst meeting (ราคาปิด 95.50 Bloomberg Consensus เฉลี่ย 80.47)

·        กำไร 3Q60 อ่อนตัวลงสู่ 389 ล้านบาท -11%YoY เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นลดลงสู่ 32.5% จากต้นทุนค่าผลิตขวดแก้วที่เพิ่มขึ้น และค่าใช้จ่ายในการขายที่เพิ่มขึ้นหลังมีการขยายตลาดไปยังต่างประเทศเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ค่าใช้จ่ายทางการยังเพิ่มขึ้นหลังมีการขยายโรงงานการผลิตอย่างต่อเนื่อง

·        ผู้บริหารตั้งเป้าปี 60 ยอดขายเติบโต 20-30% จากปีนี้โดยได้แรงหนุนจากกาแฟบรรจุกระป๋อง และการรับจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้มีแผนรุกตลาดจีนและอังกฤษเพิ่มเติมจากที่เข้าไปทำตลาดตั้งแต่ต้นปี โดยตลาดอังกฤษผู้บริหารตั้งเป้ายอดจำหน่ายเพิ่มขึ้นจาก 2 ล้านกระป๋องเป็น 40 ล้านกระป๋องโดยอยู่ระหว่างเจรจาเข้าไปจำหน่ายในห้าง Modern trade ต่างๆ ด้านตลาดจีนซึ่งเป็นตลาดเครื่องดื่มชูกำลังที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก (ที่มา Euromonitor) บริษัทตั้งเป้าจับตลาดใน 8 มณฑลทางตอนใต้ของจีนก่อน โดยบริษัทตั้งเป้าเพิ่มจำขายจาก 3 แสนจุด(ยอดขายไตรมาสละ 500 ล้านบาท)เป็น 1 ล้านจุดภายในปี 2018ซึ่งคาดว่าจะทำให้ยอดจำหน่ายในจีนเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ

·        ความเห็น เรามีมุมมองเชิงบวกต่อการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ โดยผู้บริหารจะสร้างสินค้า “คาราบาว” ให้เป็นแบรนด์ระดับโลก และพยายามเจาะเข้าตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยเราให้ความสำคัญกับตลาดจีน (ตลาดเครื่องดื่มชูกลังใหญ่อันดับ 2 ของโลก) หากสามารถเจาะตลาดได้สำเร็จคาดว่าจะทำให้บริษัทมีการเติบโตแบบก้าวกระโดดได้ อย่างไรก็ตามในระยะสั้นอาจมีค่าใช้จ่ายในการการขายที่เพิ่มขึ้นจากการโปรโมทสินค้าคอยกดดันผลประกอบการ ประกอบกับราคาในปัจจุบันซื้อขายที่ PE Ratio 72 เท่าและ PBV Ratio 13.8 เท่าซึ่งสูงกว่ากลุ่มที่มี PE Ratio 23 เท่าและ PBV 2.6 เท่า จึงควรรอ “ซื้อเมื่ออ่อนตัว”

·        (+)TPCH (ราคาปิด 15.70 ราคาเหมาะสม 21.74) คาดผลงานไตรมาส 4/60 เติบโต จ่อ COD เพิ่ม 1 โครงการ ขนาด 10 เมกะวัตต์ มั่นใจสิ้นปีนี้ครบ 60 เมกะวัตต์ ดันงบปีนี้โตต่อเนื่อง ลุ้นปี 61 ภาครัฐเปิดโครงการ VSPP Semi Firm เล็งเข้ายื่นขายไฟฟ้า 100-120 เมกะวัตต์ ที่มาข่าวหุ้น

·        ความเห็น เราคาดว่าผลประกอบการในไตรมาส 4 จะปรับตัวขึ้นจากการรับรู้กำลังการผลิตใหม่จากโรงไฟฟ้า SGP อีก 9.2 MW เข้ามาในไตรมาส 4 ซึ่งจะมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงใกล้เคียงโรงไฟฟ้า PGP เพราะตั้งอยู่ในภาคใต้เช่นกัน นอกจากนี้คาดว่าจะไม่มีค่าใช้จ่ายหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มเติมเนื่องจากตั้งสำรองติดต่อกัน 2 ไตรมาสติดทำให้คาดตั้งค่าใช้จ่ายหนี้สงสัยจะสูญครบแล้วทั้งจำนวน

·        KIAT (ราคาปิด 0.57 บาท) เป็นผู้ให้บริการขนส่งพลังงาน (LNG NGV LPG และ น้ำมัน) สารเตมีอัตราย และให้บริการจัดเก็บและกระจาย สังกะสีแท่ง โดยช่วงที่ผ่านมาเผชิญกับผลลบจากการทยอยเลิกกิจการของลูกค้ารายหนึ่งที่ใช้บริการโกดังเก็บสังกะสี (ตั้งแต่ปี 59) โดยกำไรงวด 9M60 หดตัว 20.2%YoY

·        ความเห็น อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมีความพยายามในการหารายได้ส่วนเพิ่มมาชดเชยโดยอิงจากจุดแข็งของบริษัท อาทิ การนำเข้าระบบเตือนพนักงานขับรถจากประเทศออสเตรเลีย มาจัดจำหน่ายและให้เช่า / การเพิ่มสินค้า กากอุตสาหกรรมจากบริษัท Prowaste เป็นต้น แต่ทั้งนี้ ยังต้องติดตามการพัฒนาการของไลน์ธุรกิจที่เพิ่มขึ้นมาอย่างใกล้ชิด ซึ่งจะเป็นประเด็นหลักมาหนุนการเติบโตในปี 61

·        DTAC (ราคาปิด 42 บาท Bloomberg Consensus 53.16 บาท) ติดตามการเข้าชี้แจงของ TOT ต่อคณะอนุกรรมการฯ กสทช.วันนี้ที่ 27 พ.ย. 60 เวลา 13:00 น. ก่อนที่จะเข้าสู่การประชุมคณะกรรมการ กสทช.ครั้งต่อไปในวันที่ 6 ธ.ค. 60

·        ความเห็น เนื่องจากราคาหุ้นปัจจุบันของ DTAC เข้าใกล้กับช่วงเวลาที่บริษัทได้รับการเลือกให้เป็นคู่สัญญาทางธุรกิจกับ TOT (ช่วงเดือน พ.ค. 60) โดยราคาหุ้น DTAC ทำจุดต่ำสุดในเดือนดังกล่าว 40.25 บาท เทียบกับปัจจุบันที่ 42 บาท หลังเผชิญหลายความกังวล (ปรับตัวลดลงจากจุดสูงสุดของปีแล้วกว่า 30%) จึงน่าติดตามประเด็นดังกล่าวข้างต้น ว่าหากมีแนวโน้มเชิงบวก น่าสนใจหาจังหวะ “ซื้อเก็งกำไร”

·        CPN (ราคาปิด 82 Bloomberg Consensus 84.69) วางเป้ารายได้ปี 2561 เติบโต 20% จากเป้าเติบโต 6% ในปี 60 จากการรับรู้รายได้โอนคอนโดมิเนียม 3 โครงการมูลค่า 2.8-3 พันล้านบาท คาดอัตราการเช่าพื้นที่แตะระดับ 93-94% หลังการปรับปรุงเซ็นทรัลเวิลด์-พระราม 2 แล้วเสร็จ ตั้งงบลงทุนใหม่ 1.7-1.8 หมื่นล้านบาท รองรับการซื้อที่ดินและปรับปรุงศูนย์เดิม

·        ความเห็น ฝ่ายวิจัยมีมุมมองเชิงบวกต่อศักยภาพในการเติบโตของรายได้และกำไรในอนาคตจากผู้นำธุรกิจค้าปลีกให้เช่า  Bloomberg Consensus คาดกำไรปี 60 ราว 10,566 ล้านบาท + 14% (ไม่รวมเงินประกันภัยการก่อการร้าย 3.5 พันลบ.จากเหตุเพลิงไหม้เซ็นทรัลเวิลด์เมื่อปี 53) กำไรปกติในช่วง Q4 ได้รับแรงหนุนจากการเปิดบริการสาขาใหม่ 2 แห่งสาขานครราชสีมาและสาขามหาชัย ปี 61 มีแผนชัดเจนในการเปิดสาขาภูเก็ต2 และสาขาต่างประเทศสาขาแรกที่ประเทศมาเลเซีย แนะนำ ถือ

·        (-) OISHI เหตุเพลิงไหม้โรงงานภายในนิคมฯนวนคร ขณะนี้ควบคุมเพลิงได้ในวงจำกัดแล้ว

·        (+/-) SCN จะลงทุน 96 ลบ.สร้างปั๊มน้ำมันในปั๊มเอ็นจีวี 3 แห่ง พร้อมเซ็นซื้อน้ำมันแบรนด์"บางจาก"รองรับให้บริการ