ททท.ลุย'บีทูดี'ควบเทรดโชว์ดันออนไลน์หนุนธุรกิจ

ททท.ลุย'บีทูดี'ควบเทรดโชว์ดันออนไลน์หนุนธุรกิจ

แม้ปัจจุบันช่องทางการตลาดออนไลน์เข้ามามีบทบาทในการทำธุรกิจท่องเที่ยว แต่ผู้ประกอบการต้องการฐานตลาดที่มั่นคง ลดความเสี่ยงจากความผันผวน การเจรจาธุรกิจกับ "บริษัทนำเที่ยว" เพื่อตกลงซื้อขายกันล่วงหน้าในเทรดโชว์รายการสำคัญจึงยังมีความจำเป็นคู่ขนานกัน

ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า การนำผู้ประกอบการเข้าร่วม "เวิลด์ ทราเวล มาร์เก็ตหรือ ดับเบิลยูทีเอ็ม ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ที่ผ่านมา มีภาคเอกชนเข้าร่วมลดลงกว่าปีก่อน เป็นสัญญาณ “ลดบทบาท” ของเทรดโชว์ที่ต้องออกมาพบปะเจรจาธุรกิจตัวต่อตัวแบบดั้งเดิม สอดคล้องการวิเคราะห์ของ ททท. ซึ่งเทรดโชว์รายการสำคัญในตลาดอื่น เช่น ซีไอทีเอ็ม (ไชน่า อินเตอร์เนชั่นแนล ทราเวล มาร์ท)   ก็มีการตอบรับจากผู้ประกอบการลดลง

การที่ผู้ประกอบการเข้าร่วมดับเบิลยูทีเอ็มลดลงในปีนี้ ไม่ได้มีสาเหตุจากผลกระทบจากเศรษฐกิจในพื้นที่อย่าง เบรกซิท หรือการเตรียมออกจากสมาชิกสหภาพยุโรปของอังกฤษ แต่เป็นเทรนด์การซื้อ-ขาย ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ว่าจะเริ่มเบนเข็มไปสู่ตลาดออนไลน์มากขึ้น

ผู้ประกอบการเข้าร่วมเทรดโชว์ลดลง ไม่เฉพาะแต่ไทย แต่เริ่มมีสายการบินรายใหญ่ของต่างประเทศไม่เข้าร่วม ส่งสัญญาณว่า ททท.ในฐานะผู้นำการตลาด ต้องปรับบทบาทในการช่วยเหลือผู้ประกอบการด้วยการหันไปหาช่องทางออนไลน์มากขึ้น”

ส่วนที่ต้องให้น้ำหนักเพิ่ม คือ การเปลี่ยนผ่านจากการเจรจาธุรกิจต่อธุรกิจ (บีทูบี) มาเป็น ธุรกิจต่อดิจิทัล (บีทูดีมากขึ้น มีแพลตฟอร์มออนไลน์ หรือ ออนไลน์ ทราเวล เอเย่นต์ (โอทีเอ) เป็นตัวกลาง สำหรับผู้ประกอบการสามารถลดต้นทุนค่าใช้จ่ายเมื่อไม่ต้องเดินทางออกไปทำตลาดผ่านเทรดโชว์ ซึ่งหากเป็นรายการใหญ่จะเสียค่าใช้จ่ายบูธหลักแสนบาทต่อครั้ง

ทั้งนี้ มีแนวคิดให้ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศของ ททท. ตามการปรับโครงสร้างใหม่ที่เตรียมเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการ ททท.เพิ่มตำแหน่งรองผู้ว่าการ ททท.เพื่อดูแลสายงานด้านดิจิทัล โดยเฉพาะ เรียกประชุมกับธุรกิจโอทีเอทั้งหมดที่ทำตลาดอินบาวด์ดึงลูกค้าเข้ามาเที่ยวเมืองไทย เพื่อหารือถึงมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยว และประชาสัมพันธ์ร่วมกัน เป็นการปรับรูปแบบการเจรจาจากเดิมที่คู่ค้าเป็นบริษัทนำเที่ยวมาสู่ผู้ให้บริการซื้อ-ขายออนไลน์ เพื่อช่วยขยายเครือข่ายให้ธุรกิจไทยเข้าถึงตลาดใหม่ๆ มากขึ้น

นอกจากนี้ จะให้โอทีเอแบรนด์ต่างประเทศต่างๆ ที่มีการลงทุนด้านเทคโนโลยีช่วยทำระบบดึงผู้เข้าชมออนไลน์สนใจมาเที่ยวไทย เช่น ทำงานร่วมกันในการลงโฆษณาเที่ยวไทยในแบนเนอร์ต่างๆ ใช้ระบบจดจำข้อมูลลูกค้าที่เคยมีพฤติกรรมสืบค้นข้อมูลท่องเที่ยวหรือจองบริการท่องเที่ยวในไทย เพื่อนำเสนอตรงกลุ่มเป้าหมาย

อย่างไรก็ตาม จะยังให้ความสำคัญกับเทรดโชว์ แต่จะปรับให้มีความสมดุลมากขึ้น เพราะบางเทรดโชว์เข้มแข็งและเป็นตลาดที่ภาคธุรกิจพึ่งพาได้ เช่น งานไอทีบี เบอร์ลิน เยอรมนี จัดเดือน มี.ค. จองเต็มพื้นที่ต้องดำเนินการต่อ ส่วนดับเบิลยูทีเอ็ม จะไม่ลดขนาดแต่ปรับพื้นที่การใช้งาน นำภาคเอกชนที่เคยแยกพื้นที่บูธออกไปต่างหากมาผนึกรวมตัวกันแทน

ด้าน ธัญรส สมบัติพูนศิริ รองประธานฝ่ายขายธุรกิจท่องเที่ยว เอ็มบีเค โฮเทล แอนด์ ทัวริสซึ่ม จำกัด กล่าวว่า เข้าร่วมงานดับเบิลยูทีเอ็ม ต่อเนื่องหลายปียังคงให้ความสำคัญกับการทำตลาดทุกเซ็กเมนท์ ปัจจุบัน เอ็มบีเคมีโรงแรม 6 แห่งใน 4 จังหวัด ขายผ่านบริษัทค้าส่งทัวร์ (โฮลเซล) 64% การมาเทรดโชว์ในอังกฤษ เพื่อตอกย้ำความสัมพันธ์เชิงธุรกิจที่เข้มแข็งให้เป็นฐานตลาดสำคัญต่อไป จากที่โรงแรมในเครือที่กระบี่ ได้รับเลือกเป็นอันดับ 1 ที่นิยมในไทยของเอเย่นต์ทัวร์อังกฤษ 

ความสำคัญของลูกค้าที่ได้จากบริษัททัวร์ยังมีอยู่มาก ลูกค้าโฮลเซลยังเข้มแข็งและจำเป็นมากในสภาพการแข่งขันที่มีโรงแรมเปิดใหม่จำนวนมาก นักท่องเที่ยวไม่น้อยมีพฤติกรรมใช้ออนไลน์เป็นเพียงช่องทางอ้างอิงหาข้อมูล แต่ถึงเวลาจองมาทำรายการผ่านเอเยนต์ ซึ่งให้ราคาที่ดีได้จากการตกลงซื้อ-ขายล่วงหน้ากับโรงแรมมาก่อน”

ส่วน กลชัย สุโกมล รองกรรมการผู้จัดการสันธิญา รีสอร์ท แอนด์ สปา ซึ่งมี 3 โรงแรมในเครือรวมกว่า 250 ห้องที่เกาะพะงัน, เกาะยาวใหญ่ และเกาะช้าง กล่าวว่า การที่ผู้ประกอบการลดการทำตลาดผ่านเทรดโชว์ อาจเป็นเพราะค่าใช้จ่ายที่ไม่คุ้มค่าหากเป็นกลุ่มที่มีโรงแรมเดียวหรือเป็นเอสเอ็มอี ส่วนธุรกิจที่ยังเข้าร่วม ส่วนใหญ่มีกลุ่มลูกค้าที่เคยติดต่อกันเป็นประจำ เช่นเดียวกับเครือสันธิญา ที่มีโปรแกรมมาทำตลาดที่อังกฤษปีละ 2 ครั้ง เพราะมีตลาดตะวันตกเป็นลูกค้าสำคัญ เช่น ในเกาะยาวและเกาะช้าง มีลูกค้ายุโรปถึง 70%

ส่วนการร่วมงานดับเบิลยูทีเอ็มครั้งนี้ มีการนัดหมายเจรจาธุรกิจที่น่าพอใจกว่า 40 นัด ขณะที่เทรดโชว์สำคัญและต้องเข้าร่วม คือ ไอทีบี เบอร์ลิน เพราะมีช่วงเวลาเหมาะสมในการจัดงานเดือน มี.ค.2561 ตรงกับช่วงที่โรงแรมและโฮลเซลเริ่มทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้าสำหรับปี 2562-2563