วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (22 พ.ย.60)

วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (22 พ.ย.60)

ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้น จากความเชื่อมั่นว่ากลุ่มโอเปคจะขยายเวลาปรับลดการผลิตน้ำมันในการประชุมหน้า

- ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัญญาณการขยายเวลาการปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปค ซึ่งจะมีการประชุมในวันที่ 30 พ.ย. นี้ โดยทางฝั่งผู้ผลิตในกลุ่มโอเปค รัสเซียและผู้ผลิตนอกกลุ่มต้องการขยายเวลาออกไป เพื่อรักษาสมดุลปริมาณน้ำมันดิบและพยุงราคาให้ไม่ตกลงไปอีก

+ ปริมาณน้ำมันดิบอาจจะขาดหายไปในตลาดหลังเวเนซุเอลาสั่งจับกุมนาย Jose Pereira ประธานกลุ่มบริษัท Citgo ฐานเชื่อมโยงกระบวนการคอร์รัปชันจนสร้างความเสียหายให้กับบริษัทน้ำมันแห่งชาติของประเทศ โดยได้จับกุมพร้อมกับเจ้าหน้าที่จากบริษัทลูก อีก 5 แห่ง พร้อมตั้งข้อกล่าวหาร่วมกันดำเนินการคอร์รัปชัน

- อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงกังวลปริมาณน้ำมันดิบส่วนเกินจากสหรัฐ โดย Energy Consultancy Westwood Global Energy Group รายงานตัวเลขหลุมขุดเจาะน้ำมันดิบสหรัฐ อยู่ที่ 738 หลุมในสัปดาห์ก่อนหน้า และคาดการณ์ว่าในปี 2561 จะเพิ่มขึ้นราวร้อยละ 18 จากปีนี้

+ ภายหลังจากตลาดปิด สำนักงานปิโตรเลียมอเมริกัน (API) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ สิ้นสุด ณ วันที่ 17 พ.ย. ปรับลดลงราว 6.4 ล้านบาร์เรลมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะลดลงราว 1.5 ล้านบาร์เรล

ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ โดยได้รับแรงกดดันจากการส่งออกจากจีนที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม อุปสงค์จากอินโดนีเซียและในภูมิภาคเอเชียยังสนับสนุนตลาดอยู่

ราคาน้ำมันดีเซล ปรับเพิ่มขึ้นสวนทางราคาน้ำมันดิบดูไบ โดยได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ของศรีลังกา แทนซาเนีย และในภูมิภาคเอเชียเพิ่มขึ้น ในขณะที่อุปทานจากอินเดียและตะวันออกกลางทรงตัว

ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้

  • ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 53 - 58 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
  • ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 60 - 65 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ปัจจัยที่น่าจับตามอง

  • การขยายระยะเวลาการปรับลดกำลังการผลิตของผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปคมีความเป็นไปได้มากขึ้น หลังยังไม่มีประเทศใดคัดค้านข้อตกลงนี้ นอกจากนี้เลขาธิการกลุ่มโอเปค เผยว่า โอเปคกำลังหาทางบรรลุข้อตกลงในการขยายระยะเวลาการปรับลดกำลังการผลิตให้ได้ก่อนการประชุมในวันที่ 30 พ.ย. เพื่อตัดสินใจเกี่ยวกับข้อตกลงดังกล่าว
  • สถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลางที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น ส่งผลให้เกิดความกังวลว่าอุปทานน้ำมันดิบจะตึงตัวมากขึ้น จากเหตุการณ์การกวาดล้างคอรัปชั่นภายใต้การนาของเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎหราชกุมารของซาอุดิอาระเบีย เหตุการณ์ดังกล่าวนับปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลต่อความกังวลของนักลงทุนต่อเสถียรภาพทางการเมืองในซาอุฯ ซึ่งเป็นประเทศที่มีกำลังการผลิตน้ำมันดิบที่ใหญ่ที่สุดในตะวันออกกลาง
  • ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐ คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการปรับขึ้นหลักๆ มาจากการผลิตน้ำมันดิบจากชั้นหินดินดาน (Shale Oil) หลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นเหนือระดับ 50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล  โดยล่าสุดสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) คาดการณ์กำลังการผลิตน้ำมันดิบจาก Shale oil ในเดือน ธ.ค. มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 12 ติดต่อกัน โดยคาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นราว 80,000 บาร์เรลต่อวัน แตะระดับ 6.17 ล้านบาร์เรลต่อวัน

--------------------------------

ที่มา : บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)          

โทร.02-797-2999