นำตัวหนุ่มบุกบ้าน หวังข่มขืนยายวัย 80 ส่งศาลฝากขังแล้ว

นำตัวหนุ่มบุกบ้าน หวังข่มขืนยายวัย 80 ส่งศาลฝากขังแล้ว

ตำรวจนำตัวหนุ่มวัย 40 ปี บุกบ้านหวังข่มขืน ยายวัย 80 ปี ผู้พิการตาบอด ไปขออำนาจศาล จ.ฉะเชิงเทรา ฝากขังแล้ว

เมื่อวันที่ 18 พ.ย.60 เวลา 13.30 น. นายจำนง พุมนาวิน อายุ 54 ปี ผู้เห็นเหตุการณ์ กรณี นายสมพงษ์ แก้วประเสริฐ อายุ 40 ปี ซึ่งเป็นคนร้ายที่บุกเข้าไปยังภายในบ้านเลขที่ 79 ม.1 ต.บางเกลือ ซึ่งเป็นบ้านของ นางสาวเพ็ญศรี แซ่อึ้ง อายุ 80 ปี คุณยายสาวโสดผู้พิการทางสายตา (ตาบอดทั้งสองข้าง) ก่อนที่จะทำร้ายร่างกายด้วยการชกต่อยที่หน้าท้อง และทุบตีที่ใบหน้าจนฟกช้ำ เพื่อหวังที่จะกระทำการอนาจารข่มขืน ได้นำพาผู้สื่อข่าวไปชี้ให้ดูยังในจุดเกิดเหตุ ในขณะที่ตนเองได้มาพบเห็นเหตุการณ์

โดย นายจำนง เล่าว่า เมื่อวานนี้ (17 พ.ย.60) เวลาประมาณ 13.00 น. ในขณะที่ตนซึ่งมีอาชีพขับรถ จยย.รับจ้าง ได้ขับรถเข้ามายังบริเวณในพื้นที่บ้านข้างเคียงของบ้านผู้เสียหาย ได้มองเห็น นายสมพงษ์ หรือนายตี๋ ได้วิ่งหลบหนีออกไปจากบ้านหลังดังกล่าว โดยได้รีบคว้ารถจักรยานยนต์ ฮอนด้าเวฟ คันสีน้ำเงิน ที่ใช้ขับเข้ามาก่อเหตุ ขับหลบหนีออกไป ตนจึงได้รีบขับรถไล่ติดตามไปแต่ไม่ทัน ก่อนที่จะกลับเข้ามาพบว่า ยายศรี ผู้เสียหายนั้น ได้ถูกทำร้ายร่างกาย ด้วยการชกต่อยที่หน้าท้องและใบหน้า จึงได้แจ้งไปยังทางผู้นำชุมชน และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบ

ซึ่งโชคดีที่นายตี๋ นั้นยังก่อเหตุกระทำการข่มขืนอนาจารยายศรี ผู้พิการตาบอดทั้งสองข้างไม่สำเร็จ เพราะเชื่อว่าน่าจะตกใจในเสียงของรถจักรยานยนต์ของตน ที่มีเสียงดังในขณะที่ขับเข้ามาจอดที่บริเวณบ้านใกล้เคียง ก่อนที่จะวิ่งหลบหนีลงมาจากบ้าน และเมื่อได้ยินเสียงตนเรียกชื่อ “ไอ้ตี๋” จึงยิ่งตกใจและรีบขับขี่รถ จยย.หลบหนีไป จากนั้นจึงไปหลบซ่อนตัวยังที่บ้านญาติอีกแห่งหนึ่งในหมู่บ้าน ก่อนที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสามารถติดตามจับกุมตัวได้ภายในเวลา 1 ชม. หลังจากเกิดเหตุ

ขณะที่ นายเชื้อ เขียวชะอุ่ม อายุ 88 ปี ผู้เป็นพี่เขยของ น.ส.เพ็ญศรี คุณยายวัย 80 ปี กล่าวว่า ปกติที่บ้านหลังนี้ตนอยู่กันเพียงลำพังสองคน คือ นางเพ็ญศรี และตนเอง โดยอยู่อาศัยดูแลกันแบบพี่แบบน้อง หลังจากที่ภรรยาตนซึ่งเป็นพี่สาวของยายเพ็ญศรี นั้นได้เสียชีวิตไปแล้ว วันเกิดเหตุตนได้รีบไปช่วยงานศพยังที่วัดใกล้บ้าน (วัดบางเกลือ) ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านเพียงประมาณ 300 เมตร จึงได้ลืมปิดประตูบ้านไว้ให้ยายเพ็ญศรี อยู่บ้านเพียงลำพัง ซึ่งปกติหากตนไม่อยู่บ้านจะสั่งให้ยายเพ็ญศรีปิดประตูบ้านเอาไว้ตลอด

ส่วนคนร้ายที่เข้ามาก่อเหตุนั้นเป็นลูกหลานของคนใกล้บ้าน ที่อยู่ถัดจากกันข้ามไปเพียงแค่ 1 หลังเท่านั้น แต่เป็นเด็กที่ไปเกิดและเติบโตยังที่ จ.ชลบุรี และเพิ่งกลับเข้ามาอาศัยอยู่กับญาติๆ ในพื้นที่ได้เพียงประมาณ 6 เดือนเท่านั้น จึงได้เข้ามาก่อเหตุดังกล่าวนี้ขึ้น ซึ่งทราบว่าผู้ต้องหารายนี้ มีประวัติเกี่ยวข้องกับสิ่งเสพติด และเคยถูกจำคุกมาก่อน ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานั้น ก็ไม่เคยมีเหตุการณ์ในลักษณะนี้เกิดขึ้นมาก่อนในพื้นที่

สำหรับยายเพ็ญศรี นั้นปกติเดิมเป็นคนที่มีร่างกายแข็งแรง และขยัน เพราะมีอาชีพรับจ้าง ต่อมาได้มีอาการปวดที่ดวงตาข้างขวาอย่างรุนแรง จึงได้ไปให้หมอควักเอาลูกตาออกและใส่ดวงตาเทียมมาแทน แต่หลังจากทำการควักลูกตาข้างขวาออกไปได้ไม่นาน ดวงตาข้างซ้ายกลับมองไม่เห็นอีก จึงทำให้ตาบอดหมดทั้งสองข้างในที่สุด จึงทำให้มองอะไรไม่เห็น และกลายเป็นผู้พิการทางสายตามานานหลายสิบปีแล้ว ทุกวันนี้จึงได้แต่นั่งถัดอยู่แต่บนบ้านไปไหนไม่ได้

หลังถูกคนร้ายบุกเข้ามาก่อเหตุทำร้ายร่างกาย ด้วยการชกต่อยที่หน้าท้อง และตบตีที่ใบหน้าเพื่อพยายามจะข่มขืน แต่มีคนผ่านมาเห็นเสียก่อนนั้น ได้ถูกนำตัวส่งไปรักษาตัวยังที่ รพ.บางปะกง และได้ไปรับตัวกลับมาบ้านเมื่อช่วงเช้าของวันนี้แล้ว แต่ได้มีญาติๆ ที่อยู่ในเขตพื้นที่ ต.บางวัว ได้มารับตัวให้ไปพักอาศัยอยู่ด้วยก่อน เพื่อดูแลอย่างใกล้ชิดสักระยะยังที่ ต.บางวัว

ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางปะกง ว่า เมื่อช่วงเช้าของวันนี้ เวลา 09.00 น. ร.ต.ท.(หญิง)กรรณิการ์ ชมพูยอด รองสารวัตรสอบสวน สภ.บางปะกง ร้อยเวรเจ้าของคดี ได้นำตัว นายสมพงษ์ แก้วประเสริฐ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา ที่ 470/60 ลงวันที่ 17 พ.ย.60 ในข้อหา “กระทำอนาจาร และหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น” เดินทางไปขออำนาจศาล จ.ฉะเชิงเทรา ฝากขังผัดแรกเรียบร้อยแล้ว