สรุปภาวะตลาดเงินตลาดทุนรายสัปดาห์วันที่ 13-17 พฤศจิกายน 2560

สรุปภาวะตลาดเงินตลาดทุนรายสัปดาห์วันที่ 13-17 พฤศจิกายน 2560

“เงินบาทแข็งค่าสุดในรอบ 30 เดือน ขณะที่ ดัชนีตลาดหุ้นไทยพุ่งขึ้นปลายสัปดาห์”

สรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท

-  เงินบาทแข็งค่าทะลุระดับ 33.00 แตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 30 เดือนที่ 32.83 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยทิศทางการแข็งค่าของเงินบาทเป็นไปในทิศทางที่สอดคล้องกับสกุลเงินอื่นๆ ในภูมิภาค ขณะที่ เงินดอลลาร์ฯ ยังคงถูกกดดันอย่างต่อเนื่องจากความไม่แน่นอนของแผนปฏิรูปภาษีของสหรัฐฯ ซึ่งยังคงอยู่ระหว่างการหาข้อสรุปในสภาคองเกรส นอกจากนี้ เงินบาทก็มีปัจจัยบวกจากแรงขายเงินดอลลาร์ฯ ของผู้ส่งออก รวมถึงสถานะซื้อสุทธิพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ

-  สำหรับในวันศุกร์ (17 พ.ย.) เงินบาทอยู่ที่ 32.83 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 33.11 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (10 พ.ย.)  

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (20-24 พ.ย.) ธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 32.70-33.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยคงต้องติดตามตัวเลขจีดีพีประจำไตรมาส 3/2560 ของไทย รวมถึงบันทึกการประชุมเฟดเมื่อวันที่ 31 ต.ค.-1 พ.ย. ขณะที่ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดขายบ้านมือสอง ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนต.ค. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตและภาคบริการเดือนพ.ย.

สรุปความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทย

ดัชนีตลาดหุ้นไทยพุ่งขึ้นปลายสัปดาห์ โดยดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,709.38 เพิ่มขึ้น 1.19% จากสัปดาห์ก่อน มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันเพิ่มขึ้นประมาณ 2.04% จากสัปดาห์ก่อน มาที่ 57,514.20 ล้านบาท ส่วนตลาดหลักทรัพย์ mai ปิดที่ 562.34 จุด เพิ่มขึ้น 0.82% จากสัปดาห์ก่อน

- ดัชนีตลาดหุ้นไทยได้รับแรงหนุนจากการประกาศปรับเพิ่มน้ำหนักหุ้นไทยสำหรับการคำนวนดัชนี MSCI ในวันอังคารที่ผ่านมา ก่อนที่จะได้รับแรงกดดัน หลังราคาน้ำมันดิบโลกร่วงลงช่วงกลางสัปดาห์ อย่างไรก็ดี ในช่วงปลายสัปดาห์ SET Index กลับมาปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ด้วยอานิสงส์จากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯมติผ่านร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของพรรครีพับลิกัน ประกอบกับการคาดการณ์จีดีพีงวดไตรมาส 3/60 ของไทยจะออกมาดี ทำให้มีแรงหนุนเข้าในหุ้นกลุ่มธนาคาร ค้าปลีก และโรงแรม

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (20-24 พ.ย.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,690 และ 1,680 จุด ขณะที่ แนวต้านอยู่ที่ 1,720 และ 1,730 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม คงได้แก่ รายงานการประชุมนโยบายการเงินของสหรัฐฯ และตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/60 ของไทย ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ ยอดขายบ้านมือสอง ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนต.ค. และดัชนี PMI Composite (เบื้องต้น) เดือนพ.ย. ขณะที่ ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ รายงานการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป ตัวเลขจีดีพีไตรมาส3/60 ของอังกฤษ และดัชนี PMI Composite (เบื้องต้น) เดือนพ.ย. ของประเทศแถบยุโรป