บีอีซีฯปรับทัพเสริม’ผัง-นิวมีเดีย’ดันรายได้

บีอีซีฯปรับทัพเสริม’ผัง-นิวมีเดีย’ดันรายได้

บีอีซีฯลุยพัฒนานิวมีเดีย สู้ศึกทีวีดิจิทัล เพิ่มช่องทาง“มัลติ สกรีน” เปิดโมเดลแพ็คเกจสื่อใหม่ตอบโจทย์กลยุทธ์สื่อสารแบรนด์ ลุยขายคอนเทนท์ตปท.หวังเพิ่มรายได้

นายประชุม มาลีนนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม  บริษัทบีอีซีเวิลด์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 และทีวีดิจิทัล เปิดเผยว่าธุรกิจทีวีดิจิทัลปัจจุบันและปีหน้ายังคงเผชิญการแข่งขันรุนแรงต่อเนื่อง ทั้งจากจำนวนช่องทีวีเพิ่มขึ้นและสื่อออนไลน์ จะเห็นได้ว่าผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังอยู่ในภาวะลำบาก

“ธุรกิจทีวีดิจิทัลปีหน้า ยังมีความท้าทายจากการแข่งขันสูงและอยู่ในตลาด เรด โอเชี่ยนต่อไป”

อย่างไรก็ตามมองว่า“ทีวี”ยังเป็นสื่อที่ได้รับความนิยมสูงสุด จากผู้ชมในการเสพคอนเทนท์ แต่ปัจจุบันมีรูปแบบการเข้าถึงคอนเทนท์แบบ “มัลติ สกรีน” เช่นเดียวกับการใช้งบโฆษณาสื่อที่ทีวียังครองงบประมาณสูงสุด แต่ที่ผ่านมาชะลอตัวจากภาวะเศรษฐกิจ 

บีอีซีฯเสริมทัพ“นิวมีเดีย”

ทั้งนี้ กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจของบีอีซีฯปีหน้า จะมุ่งพัฒนาคอนเทนท์ช่อง 3  ทั้งละคร  ข่าว รายการวาไรตี้และซีรีส์ต่างประเทศ เพื่อเพิ่มเรทติ้งผู้ชม พร้อมทั้งพัฒนาดิจิทัล แพลตฟอร์ม หรือ นิว มีเดีย ทำให้ผู้ชมดูหน้าจอทีวี สามารถรับชมรายการเดียวกันผ่าน “มัลติ สกรีน” ปัจจุบันได้เพิ่มช่องทางของการรับชมผ่านช่องทางออนไลน์รูปแบบต่างๆ เช่น โซเชียลมีเดียต่างๆ รวมทั้งยูทูบ นอกจากนี้ได้พัฒนานิว มีเดีย ทั้งเว็บไซต์ แอพพลิเคชั่น  Channel 3 Live และ Mello 

โดย“แชนแนล 3 ไลฟ์” เป็นการรับชมรายการไปพร้อมกับจอทีวี ปัจจุบันมีผู้ชมรายการผ่านแอพดังกล่าว กว่า 2.5 ล้านคนต่อเดือน ส่วนเว็บ Mello เป็นออนไลน์ เอ็นเตอร์เทนเมนต์ แพลตฟอร์ม สำหรับกลุ่มวัยรุ่น และคนทำงาน นำเสนอละครช่อง 3 ที่กำลังออกอากาศ และดูย้อนหลัง ทั้งซีรีส์ วาไรตี้ เกมโชว์

นอกจากนี้ เว็บ Ch3 Thailand ช่องทางรับชมรายการสด และย้อนหลัง รวมทั้งคอมมูนิตี้ ออนไลน์ของแฟนคลับช่อง 3 ปัจจุบันมีผู้เข้าเยี่ยมขม 3-4 แสนครั้งต่อวัน

“กลยุทธ์ของช่อง 3 ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาคอนเทนท์เพื่อสร้างเรทติ้งผู้ชมเป็นอันดับแรก  แต่หลังจากนี้ต้องนำคอนเทนท์จากทีวี ไปนำเสนอผู้ชมในทุกช่องทางที่ตรงกับไลฟ์สไตล์”  

เปิดกลยุทธ์เพิ่มรายได้ 

นายประชุม กล่าวว่าบีอีซี ได้เพิ่มศักยภาพการดำเนินธุรกิจใหม่ ด้วยรูปแบบการสร้างพันธมิตรทางการค้า (Business Partnership) เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ นอกจากการขายเวลาโฆษณาทางทีวี  ซึ่งเป็นโมเดลที่จะทำให้เกิดความร่วมมือระหว่างบีอีซีฯ กับลูกค้าทางธุรกิจทั้งมีเดีย เอเยนซีและแบรนด์สินค้า ด้วยการเข้าถึงผู้บริโภคได้มากขึ้นและเชื่อมโยงกับแบรนด์(Engagement) ที่มากกว่าโฆษณา เพื่อโอกาสเพิ่มยอดขายให้สินค้า

นอกจากนี้ บีอีซีฯได้พัฒนาโมเดลธุรกิจใหม่เพิ่มจากรูปแบบธุรกิจเดิม คือการขายเวลาโฆษณา ที่ยังมีความสำคัญ แต่ในยุคที่ผู้บริโภคมีพฤติกรรมเสพคอนเทนท์หลากหลายช่องทาง ดังนั้นรูปแบบการทำงานของธุรกิจสื่อ จะเป็นลักษณ “พันธมิตร” (Partnership) มากขึ้น  โดยมีการให้บริการคอนเทนท์ทีวี สื่อออนไลน์ และการบริหารดารานักแสดงของสถานีทีวีทั้ง 3 ช่อง ที่มีจำนวนกว่า 200 คน เพื่อนำเสนอแพ็คเกจสื่อโฆษณาและกิจกรรมให้ลูกค้าและมีเดียเอเยนซี ที่ต้องการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในทุกช่องทาง 

"เรากำลังพัฒนาแพ็คเกจสื่อทุกช่องทางทั้งทีวี ออนไลน์ กิจกรรมและพรีเซนเตอร์ ที่ใช้ดารานักแสดงช่อง 3  ที่จะทำให้สินค้าเข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้น จะเห็นการทำงานรูปแบบดังกล่าวในไตรมาสแรกปีหน้า" 

พร้อมทั้งการขยายตลาดต่างประเทศ ในลักษณะการสร้างพันธมิตรกับคู่ค้าต่างประเทศทั่วโลก โดยใช้บิซิเนส โมเดลเดียวกับไทย  คือการขายคอนเทนท์ การกิจกรรมและการใช้พรีเซนเตอร์ช่อง 3  โดยจะเริ่มที่กลุ่มประเทศ CLMV เป็นลำดับแรก เพราะเป็นตลาดที่คุ้นเคยกับรายการและละครช่อง 3 

“กลยุทธ์ขับเคลื่อนบีอีซีฯ หลังจากนี้ คือ การเป็นบริษัทมีเดียแอนด์เอ็นเตอร์เทนเมนต์ ที่ดำเนินธุรสื่อทีวี ออนไลน์ และการทำงานร่วมกับพันธมิตรทุกรูปแบบเพื่อตอบโจทย์การสื่อสารของสินค้าและแบรนด์ และโอกาสการเพิ่มรายได้ของบีอีซีฯ”