THAI - ซื้อเก็งกำไร

THAI - ซื้อเก็งกำไร

กำไรหลักไตรมาส 3/60 ดีกว่าคาด: แนวโน้มกำไรเติบโตต่อเนื่อง

กำไรหลักดีกว่าคาด

THAI รายงานขาดทุนสุทธิไตรมาส 3/60 ที่ 1,825 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้น YoY แต่ลดลง QoQ หากไม่รวมขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 829 ล้านบาท, ขาดทุนจากการด้อยค่าของเครื่องบินและสินทรัพย์อื่นๆ 1,503 ล้านบาท และผลกระทบจากการลดสัดส่วนการถือหุ้นของ NOK ที่ 5 ล้านบาท กำไรหลักไตรมาส 3/60 จะอยู่ที่ 512 ล้านบาท พลิกกลับจากขาดทุนหลักในไตรมาส 3/59 และไตรมาส 2/60 ในขณะที่ขาดสุทธิใกล้เคียงกับที่เราคาด ผลการดำเนินงานหลักดีกว่าที่เราและตลาดคาดว่าจะขาดทุนประมาณ 1 พันล้านบาท จากจำนวนผู้โดยสารที่มากกว่าที่เราตั้งสมมติฐานไว้

ประเด็นหลักผลประกอบการ

ปัจจัยเบื้องหลังผลการดำเนินงานหลักที่ดีขึ้นมาจาก ได้แก่ 1) จำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้น (เพิ่มขึ้น 9% YoY และ 2% QoQ มาอยู่ที่ 6 ล้านคน), 2)ปริมาณการขนส่งพัสดุภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น (เพิ่มขึ้น 16% YoY และ 9% QoQมาอยู่ที่ 167,582 ตัน), 3) ราคาน้ำมันเครื่องบินที่ลดลง 1% QoQ มาอยู่ที่66.84 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล), 4) ส่วนแบ่งขาดทุนจากบริษัทร่วมที่ลดลง และ 5) เครดิตภาษี (เทียบกับค่าใช้จ่ายภาษีที่บันทึกในไตรมาส3/59) อย่างไรก็ตามรายได้จากผู้โดยสารเฉลี่ยต่อหน่วยลดลง 8% YoY และ 1% QoQ มาอยู่ที่ 2.10 บาท/RPK ขณะที่รายได้จากพัสดุภัณฑ์เฉลี่ยต่อหน่วยลดลง 5% YoY และ 1% QoQ มาอยู่ที่ 7.90 บาท/RFTK

แนวโน้ม

จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติคาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด18% YoY (และ 4% QoQ) มาอยู่ที่ 9.2 ล้านคนในไตรมาส 4/60(เนื่องจากฐานที่ต่ำในช่วงไฮซีซั่นในไตรมาส 4/59 ซึ่งเป็นช่วงที่รัฐบาลมีมาตรการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญ) ทั้งนี้เราคาดว่าจำนวนผู้โดยสารของ THAI จะขยายตัวเพิ่มขึ้นตามจำนวนนักท่องเที่ยวที่ปรับตัวสูงขึ้น ดังนั้น คาดว่ากำไรหลักไตรมาส 4/60 จะพลิกกลับมาเป็นกำไร YoY และเพิ่มขึ้นQoQ

สิ่งที่เปลี่ยนแปลง

ผลการดำเนินงานหลักไตรมาส 3/60 ที่สูงกว่าคาดส่งผลให้เราปรับประมาณการกำไรหลักปี 2560 เพิ่มขึ้น 29% มาอยู่ที่ 4,954 ล้านบาทจากการปรับสมมติฐานดังนี้ 1) จำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 8% มาอยู่ที่ 24.1 ล้านคน และ 2) ปริมาณขนส่งพัสดุภัณฑ์เพิ่มขึ้น 2% เป็น 643,403 ตัน อย่างไรก็ตามหลังจากที่สะท้อนรายการขาดทุนพิเศษที่บันทึกในไตรมาส3/60 เราคาดขาดทุนสุทธิปี 2560 จะอยู่ที่ 1,146ล้านบาท (จากที่ก่อนหน้านี้เราคาดกำไรสุทธิอยู่ 85 ล้านบาท) นอกจานั้นเราปรับประมาณการกำไรหลักปี 2561 เพิ่มขึ้น 53% เพื่อสะท้อน 1) สมมติฐานจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 8% มาอยู่ที่ 26.2 ล้านคน และ 2) สมมติฐานปริมาณการพัสดุภัณฑ์เพิ่มขึ้น 2% มาอยู่ที่ 643,403 ตัน เราจึงปรับราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2561 มาอยู่ที่ 20.60 บาท (จาก 19.30 บาท) อ้างอิงจากค่า PBV ณ สิ้นปี 2560 ที่ 1.2 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวของ THAI ที่ 0.9 เท่า อยู่ 1 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ซึ่งเป็นมูลค่าหุ้นที่ซื้อขายในช่วงปีที่บริษัทมีกำไร

คำแนะนำ

จากผลการดำเนินงานหลักที่น่าประทับใจในไตรมาส 3/60 คาดว่าจะส่งผลเชิงบวกต่อราคาหุ้นในระยะสั้นนอกจากนั้นผลการดำเนินงานหลักที่คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาส 1/61 คาดว่าจะเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้นให้ปรับตัวสูงขึ้นได้ต่อไป เราจึงปรับเพิ่มคำแนะนำจาก ถือ มาเป็น ซื้อเก็งกำไร