BCP - ถือ

BCP - ถือ

ขาดทุนพิเศษในไตรมาส 3/60; คาดกำไรหลักไตรมาส 4/60 อ่อนตัวลง QoQ

กำไรสุทธิต่ำกว่าคาดจากการขาดทุนพิเศษ กำไรหลักสูงกว่าคาด

BCP รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/60 ที่ 1,316 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12%YoY และ 33% QoQ หากไม่รวมกำไรจากสินค้าคงคลัง 450 ล้านบาท,
กำไรจากการประกันความเสี่ยง 86 ล้านบาท, กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 299 ล้านบาท, ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนอนุพันธ์ 259 ล้านบาท และ
การด้อยค่าสินทรัพย์ 1,358 ล้านบาท กำไรหลักจะอยู่ที่ 2,099 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 140% YoY และ 25% QoQ ในขณะที่กำไรสุทธิต่ำกว่าที่เราและ
ตลาดคาด เนื่องจากการขาดทุนจากรายการพิเศษเป็นจำนวนมาก แต่กำไรหลักสูงกว่าที่เราและตลาดคาด 12% เนื่องจากส่วนแบ่งกำไรจากบริษัท
ร่วมและโครงการร่วมทุนที่สูงกว่าคาดและและเครดิตภาษี (เราคาดว่าจะบันทึกภาษีจ่าย)

ประเด็นหลักผลประกอบการ

กำไรหลักที่เติบโตมีสาเหตุมาจาก 1) ค่าการกลั่นตลาดที่ขยายตัว 19%YoY และ 4% QoQ มาอยู่ที่ 6.7 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล, 2) กำไรก่อนหัก
ดอกเบี้ยภาษีและค่าเสื่อมราคาจากธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่สูงขึ้น (เพิ่มขึ้น 28% YoY [ลดลง 1% QoQ] มาอยู่ที่ 781 ล้านบาท), 3) กำไรก่อนหักดอกเบี้ยภาษีและค่าเสื่อมราคาจากธุรกิจชีวมวลที่เพิ่มมากขึ้น และ 4) เครดิตภาษีที่เพิ่มขึ้น QoQ (เทียบกับภาระภาษีจ่ายที่บันทึกในไตรมาส3/59) แต่กำไรจากธุรกิจน้ำมันค้าปลีกปรับตัวลดลงYoY และ QoQ เนื่องจากค่าการตลาดที่อ่อนตัวลง (ลดลง 9% YoY และ12% QoQ มาอยู่ที่ 0.73 บาทต่อลิตร) รวมทั้งบริษัท Nido Petroleum(ธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมของ BCP) รายงานกำไรที่อ่อนตัวลงเนื่องจากค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารปรับตัวเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ Nidoรายงานการด้อยค่าสินทรัพย์อยู่ที่ 1.3 พันล้านบาทสำหรับค่าใช้จ่ายในการสำรวจและประเมินผลทั้งหมดของแหล่ง Mid-Galoc ซึ่งมองว่าอาจไม่คุ้มค่าในเชิงพาณิชย์

แนวโน้ม

ค่าการกลั่นเฉลี่ยอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ในไตรมาส 4/60 จนถึงปัจจุบันขยายตัวเพิ่มขึ้น 8% YoY มาอยู่ที่ 7.3 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งได้แรงหนุนจากอุปสงค์-อุปทานที่ปรับตัวดีขึ้น นอกจากนั้นส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจน้ำมันค้าปลีกและธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้น YoY ดังนั้นเราจึงคาดว่ากำไรหลักของบริษัทจะเติบโต YoY ในไตรมาส 4/60 อย่างไรก็ตามค่าการกลั่นเฉลี่ยนับตั้งแต่ต้นไตรมาสจนถึงปัจจุบันปรับตัวลดลง 12% QoQ เนื่องจากผลกระทบจากพายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์จบไปแล้วและฤดูการกลั่นของของโรงกลั่นในแถบอเมริกาเหนือสิ้นสุดลง ในขณะที่อุปสงค์ลดลงตามปัจจัยเชิงฤดูกาล เราจึงคาดว่ากำไรหลักไตรมาส4/60 ของ BCP จะปรับตัวลดลง QoQ

สิ่งที่เปลี่ยนแปลง

เราปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2560 ลง 12% มาอยู่ที่ 6,081 ล้านบาท เพื่อสะท้อนการขาดทุนพิเศษที่บันทึกในไตรมาส 3/60

คำแนะนำ

ผลประกอบการไตรมาส 3/60 ที่น่าผิดหวังซึ่งอาจจะส่งผลต่อการปรับลดประมาณการกำไรของตลาด อาจส่งผลเชิงลบในเชิงจิตวิทยาต่อราคาหุ้น อย่างไรก็ตามปัจจุบัน BCP ซื้อขายอยู่ในระดับ PER ปี 2561 ที่เพียง 7.7 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าการกลั่นเฉลี่ยของกลุ่มที่ 10.2 เท่า ดังนั้นความเสี่ยงขาลงขอราคาหุ้นน่าจะมีจำกัด เรายังคงคำแนะนำ ถือ ในบรรดาหุ้นกลุ่มโรงกลั่นไทยเราชื่นชอบ SPRC และ TOP เนื่องจากเป็นผู้ได้รับประโยชน์อย่างมากหุ้นจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของค่าการกลั่นในอนาคตอันใกล้