หนุ่มใหญ่ชาวแปดริ้ว มึน หลังเจอใบสั่งจากตำรวจทางหลวงตรวจจับความเร็วบนถนนสาย 7 มอเตอร์เวย์ ส่งตรงถึงบ้าน ทั้งที่เป็นรถคนละรุ่นและต่างยี่ห้อ เชื่อมีการใช้ทะเบียนปลอม
วันที่ 11 พ.ย.60 เวลา 08.55 น. นายอุดม คุ้มภัย อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 40/32 ถ.ศรีโสธรตัดใหม่ ต.หน้าเมือง อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ได้ร้องเรียนผ่านทางผู้สื่อข่าวว่า เมื่อช่วงเย็นวานนี้เวลา 16.30 น. ตนได้รับจดหมายที่ส่งตรงมาถึงยังบ้านพักผ่านทางไปรษณีย์ ซึ่งภายในเป็นใบสั่งตรวจจับความเร็ว จากตำรวจทางหลวงพิเศษสาย 7 มอเตอร์เวย์ (กรุงเทพฯ-พัทยา) เลขที่ 0260029028203 ออกโดย พ.ต.ท.จิรวุฒิ ขวัญคุ้ม รหัส 9101 สังกัดสถานีตำรวจทางหลวง 1 (54245) กองกำกับการ 8 กองบังคับการตำรวจทางหลวง ถ.หลวงแพ่ง-ทับยาว เขตลาดกระบัง กทม.
ซึ่งภายในระบุว่า รถยี่ห้อโตโยต้า สีดำ คันหมายเลขทะเบียน กค-4452 ฉะเชิงเทรา ได้กระทำผิดกฎหมาย “ขับรถใช้ความเร็วเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด (พ.ร.บ.ทางหลวงฯ ม.5 (1) , ม.69) (ขับรถเร็ว)” เหตุเกิดเมื่อเวลา 15.23 น. วันที่ 28 ต.ค.60 บนถนนมอเตอร์เวย์ กม.ที่ 110 ต.ตะเคียนเตี้ย อ.บางละมุง จ.ชลบุรี โดยความเร็วที่ตรวจจับได้ 134 กม./ชม. ขณะที่กฎหมายกำหนดไว้ที่ไม่เกิน 120 กม./ชม. มีอัตราค่าปรับที่ต้องชำระเป็นเงินจำนวน 500 บาท ภายในวันที่ 1 ธ.ค.60
ทั้งที่รถคันที่ตรวจจับว่าขับรถด้วยความเร็วสูงเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดนั้นไม่ใช่รถคันของตน เอง เนื่องจากในภาพถ่ายในขณะที่ตรวจจับความเร็วได้นั้นเป็นรถยนต์ยนต์คนละรุ่น และยี่ห้อ โดยเป็นรถยนต์กระบะยี่ห้อฟอร์ด แต่รถยนต์กระบะสี่ประตูคันของตนเป็นรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า แต่ในภาพมีเลขทะเบียนที่ตรงกัน คือ กค-4452 ฉะเชิงเทรา ซึ่งไม่ใช้รถคันของตนอย่างแน่นอน เนื่องจากในวันเวลาที่เกิดเหตุนั้นตนยังคงทำงานอยู่ในที่ทำงาน ภายในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งใน จ.ฉะเชิงเทรา
จึงได้ขอร้องเรียนและร้องทุกข์ผ่านทางสื่อมวลชนว่า ตนไม่ใช่ผู้กระทำความผิดตามกฎหมาย พ.ร.บ.ทางหลวงฯ และใบสั่งดังกล่าว เพราะเชื่อว่าน่าจะมีการใช้ทะเบียนปลอม หรือมีการสวมทะเบียนรถคันของตนอย่างแน่นอน ซึ่งหลังจากนี้จะได้เดินทางเข้าไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองฉะเชิงเทรา เนื่องจากหวั่นเกรงว่าผู้ที่สวมทะเบียนรถคันของตนนั้นจะไปใช้ในการกระทำความผิดกฎหมายในด้านอื่นๆ อีก ต่อไป นายอุดม กล่าว