ญาติ-ทนายความ "ผู้กองเหน่ง" วืดอุทธรณ์ประกันตัว หลังพยายามยื่นเอกสาร 198 หน้า
วันที่ 2 พฤศจิกายน 2560 ที่ ศาลจังหวัดกันทรลักษ์ ซึ่งนับตั้งแต่วันที่ 30 ตุลาคม 2560 ภายหลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ โดย พลตำรวจตรี สุรเดช เด่นธรรม ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ แจ้งข้อหาแก่ ร้อยเอก ศุภชัย ภาโส หรือ ผู้กองเหน่ง เพิ่มจากเดิมที่มี 8 ข้อ เพิ่มอีก 3 ข้อหา อันได้แก่ 1.ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ข้อ 2.หน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 310 วรรค 2 และ ข้อหาที่ 3. ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพ ตามประมวลผลกฎหมายอาญา มาตรา 199 ตกเป็นผู้ต้องหาคดีฆ่า ผอ.อ้อย หรือ นางสาวจุฑาภรณ์ อุ่นอ่อน ผู้อำนวยการกองการศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม อบต.ชำ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ภายหลังจากที่พบโครงกระดูก และฝ่ายนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ ได้ตรวจพิสูจน์ยืนยันว่าเป็นศพ และชิ้นส่วนของ ผอ.อ้อย อย่างชัดเจนแล้ว
ภายหลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ นำตัวผู้กองเหน่ง เข้าเรือนจำกันทรลักษ์ เพื่อฝากขังระยะแรก 10 วันนับจากวันที่ 30 ตุลาคม 2560 ญาติ ของผู้กองเหน่ง ได้ติดต่อทนายความจัดพิมพ์เอกสารทั้งหมด 198 หน้า เพื่อยื่นคัดค้านคำคัดค้านการประกันตัว โดยขอให้ศาลทบทวนคำพิจารณาตามคำร้องของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่แนบคำพิจารณาคัดค้านการประกันตัวผู้กองเหน่ง แต่เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีอาญาที่รุนแรง ศาลจังหวัดกันทรลักษ์ จึงได้ส่งเอกสารคำร้องทบทวนไปยังคณะผู้พิพากษา ภาค3 เพื่ออ่านคำขอทบทวนของทนายผู้กองเหน่ง
และภายหลังหลังจากคระผู้พิพากษาได้อ่านและพิจารณาแล้ว ได้ส่งคำพิจารณาแจ้งกลับมาที่ศาลจังหวัดกันทรลักษ์ เพื่อที่จะได้แจ้งให้ญาติผู้กองเหน่ง ได้รับทราบว่า คณะผู้พิพากษาภาค3 พิจารณาแล้ว ยืนตามคำพิจารณาของศาลจังหวัดกันทรลักษ์ ไม่ทบทวนคำพิจารณา ยืนตามเดิมคืองดให้ประกันตัวผู้กองเหน่ง โดยให้คุมขังเป็น ขช.เหน่ง ที่เรือนจำกันทรลักษ์ ต่อไป ครั้งละ 10 วัน จนครบจำนวน 7 ครั้ง ก่อนที่จะยื่นฟ้งศาลฐานความผิดที่แจ้งไว้ ซึ่งญาติที่เดินทางมาติดตามการยื่นคำร้อง เมื่อทราบเรื่อง แล้ว ก็ได้เดินทางกลับไป
ส่วนที่บ้านซำเม็ง ตำบลเสาธงชัย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ นายบุญเลิศ – นางแหลม อุ่นอ่อน บิดา – มารดา ผอ.อ้อย ได้ดำเนินการเกี่ยวกับการนำเอกสารการพิสูจน์ตัวตนของโครงกระดูกที่ยื่นยันว่า ชิ้นส่วนต่างๆ โครงกระดูก เป็นศพของ ผองอ้อย จริง ได้นำไปขอให้ทางอำเภอกันทรลักษ์ ออกเอกสารรับรองการเสียชีวิต หรือ ใบมรณะบัตร เพื่อที่จะไปแจ้งแก่องค์การบริหารส่วนตำบลชำ เพื่อลบคำสั่งการขาดงานติดต่อกันตามระเบียนของ อปท.และจะได้ยื่นแก่บริษัทประกันชีวิต ต่างๆ ที่ ผอ.อ้อย ได้ดำเนินจัดทำไว้ เพื่อที่จะได้นำเงินชดเชยเพื่อนำมาจ่ายใช้หนี้ ที่เป็นภาระหนักมากในช่วงที่ผ่านมานับตั้งแต่ ผอ.อ้อยหายตัวไป ได้เกิดค่าใช้จ่ายขึ้นจากการติดตาม สืบค้นหา บุกตรวจสอบหาร่าง ผอ.อ้อย ในทุกขุนเขา ป่าไม้ กลายเป็นภาระหนี้มากมาย บ้านที่กู้ยืนเงินมาก็ยังสร้างไม่เสร็จด้วย ขณะเดียวกันก็รอโครงกระดูกที่ทางนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจจะได้ส่งกลับมาที่สถานีตำรวจภูธรน้ำยืน และจะได้ไปขอรับกลับมาทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ ผอ.อ้อย ตามประเพณีต่อไป