'BBL' ปล่อยกู้ 'นิคมฯทีเอฟดี 2' มูลค่า 2,100 ลบ.

'BBL' ปล่อยกู้ 'นิคมฯทีเอฟดี 2' มูลค่า 2,100 ลบ.

เนื้อหอม!! รับอีอีซี "แบงก์กรุงเทพ" ปล่อยกู้ "นิคมฯทีเอฟดี 2" มูลค่า 2,100 ลบ. พร้อมจับตาปลายปียอดโอนทะลักหลังลงนาม MOU กับนักธุรกิจไต้หวัน

นายอภิชัย เตชะอุบล รองประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยพัฒนาโรงงานอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ TFD กล่าวว่า ที่ดินในโครงการนิคมอุตสาหกรรมทีเอฟดี 2 ได้รับความไว้วางใจจากสถาบันการเงินอันดับต้นของประเทศ คือธนาคารกรุงเทพพร้อมที่จะสนับสนุนทางการเงินวงเงิน 2,100 ล้านบาท เพื่อใช้สำหรับที่ดินนิคมอุตสาหรรมทีเอฟดี 2 และวางระบบสาธารณูปโภคภายในโครงการ โดยโครงการนี้มีที่ดินจำนวน 841 ไร่ ได้รับใบอนุญาตการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) เรียบร้อยแล้ว ปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการวางระบบด้านสาธารณูปโภคต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่กลุ่มลูกค้าที่กำลังจะเข้ามาใช้บริการ โดยคาดใช้ระยะเวลาดำเนินการราว 6 เดือนจะแล้วเสร็จ ในส่วนของการแบ่งโฉนดที่ดินคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายใน 2 เดือนนี้ ดังนั้นจะสามารถจัดสรรและแบ่งโฉนดให้กับลูกค้าได้ภายในปี 2560 นี้

โครงการนิคมอุตสาหกรรมทีเอฟดี 2 มีจุดเด่นหลายด้าน คือตั้งอยู่ที่อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา ขนานมอร์เตอร์เวย์กรุงเทพ-ชลบุรี มีหน้ากว้างติดถนนใหญ่ 4 กิโลเมตร ใกล้กับสนามบินสุวรรณภูมิ และท่าเรือแหลมฉบัง อีกทั้งเป็นพื้นที่ที่มีความร่วมมือกับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยผู้เข้ามาลงทุนจึงจะได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ ด้วยเช่นกัน นอกจากนี้พื้นที่ดังกล่าวยังอยู่ในโซนโครงพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor Development: EEC) ซึ่งภาครัฐให้ความสำคัญและสนับสนุนผู้ประกอบการที่มาประกอบธุรกิจในพื้นที่ดังกล่าว ส่งผลให้ปัจจุบันมีการติดต่อเพื่อเข้ามาขอซื้อที่ดินมากขึ้นเรื่อยๆ

"TFD กำลังเร่งสร้างระบบสาธารณูปโภครองรับลูกค้าที่กำลังจะเข้ามาจำนวนมาก เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าที่ซื้อที่ดินและมาใช้บริการในนิคมของบริษัทฯ ทั้งนี้ขั้นตอนของการแบ่งโฉนดคาดว่าจะดำเนินการเสร็จภายในสองเดือนนับจากนี้ จากนั้นจะสามารถโอนที่ดินให้กับลูกค้าได้ทันที"

อย่างไรก็ตาม เมื่อเร็วๆ นี้ TFD เพิ่งลงนามบันทึกข้อตกลงความเข้าใจ (Memorandum of Understanding : MOU) จะซื้อจะขายที่ดินในนิคมกับผู้ประกอบการธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และนิคมอุตสาหกรรมรายใหญ่จากประเทศไต้หวัน โดยจะมีการจัดสรรที่ดินส่วนหนึ่งให้กับพันธมิตรเพื่อรองรับการย้ายฐานการผลิตของนักลงทุนจากต่างชาติเพื่อมาลงทุนในประเทศไทย

"การเข้ามาของกลุ่มไต้หวันเป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก เพราะเมื่อจะลงทุนตั้งฐานการผลิต หรือฐานประกอบการ มักจะมากันเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ซึ่งถือเป็นโอกาสที่น่าสนใจเพราะอนาคตอาจจะมีการย้ายฐานของธุรกิจในเครือ ซึ่งลงทุนในประเทศอื่นมาด้วย ดังนั้นหากข้อตกลงดังกล่าวบรรลุผลสำเร็จตามแผนที่วางไว้ ก็จะส่งผลดีอย่างเด่นชัดให้เกิดแก่ TFD"

สำหรับความคืบหน้าของโครงการ เดอะฮาร์เบอร์ วิว เรสซิเดนเซส ว่าขณะนี้งานก่อสร้างมีความคืบหน้าไปมากถึงร้อยละ 85 แล้ว และที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ลงนามในสัญญาขายทั้งโครงการให้กับนักลงทุนจากไต้หวัน ซึ่งคาดว่าจะสามารถส่งมอบและรับรู้รายได้ราว 1,600 ล้านบาทในไตรมาส 2/2561 ซึ่งจะเป็นอีกปัจจัยที่สนับสนุนให้ผลประกอบการของ TFD ขยายตัวได้อย่างแข็งแกร่งและโดดเด่น