จบมหากาพย์จำนำข้าว! 2ฝ่ายไม่อุทธรณ์ 'ยิ่งลักษณ์' หนีสุดชีวิต

จบมหากาพย์จำนำข้าว! 2ฝ่ายไม่อุทธรณ์ 'ยิ่งลักษณ์' หนีสุดชีวิต

จบจริงๆแล้ว! "ยิ่งลักษณ์" ไม่อุทธรณ์คดีจำนำข้าว ด้าน "อัยการ" ชี้ตามตัวรับโทษ 5 ปี ไม่รอลงอาญา ต้องหนีตลอดชีวิตไม่มีอายุความ ส่วนทุจริตระบายข้าวจีทูที คณะทำงานอัยการ รอประชุมสรุปต้นเดือนพ.ย.นี้

เมื่อวันที่ 29 ต.ค. 60 เวลา 10.20 น. นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความของน.ส.ยิ่งลักษณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำเลยต้องโทษจำคุก 5 ปี ไม่รอลงอาญาตามคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองคดีจำนำข้าว ที่ให้ปฏิบัติหน้าที่มิชอบฯ เอื้อให้การทุจริตการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐหรือจีทูจีกระทั่งรัฐได้รับความเสียหายเปิดเผยถึงการอุทธรณ์ ว่า หลังจากมีการอ่านคำพิพากษาเมื่อวันที่ 27 ก.ย. 60 ที่ผ่านมาแล้ว จนถึงตอนนี้เมื่อทนายควาไม่ได้รับการติดต่อจากน.ส.ยิ่งลักษณ์ จึงไม่ได้ยื่นขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ รวมทั้งไม่ได้ยื่นคำอุทธรณ์คดีจำนำข้าวต่อศาลฎีกาแต่อย่างใด ซึ่งคดีดังกล่าวโดยครบกำหนดระยะเวลาการยื่นอุทธรณ์ 30 วันเมื่อวันศุกร์ที่ 27 ต.ค.ที่ผ่านมาแล้ว

ทั้งนี้นายนรวิชญ์ ยังระบุได้ว่านับตั้งแต่วันที่ศาลฎีกาฯ เลื่อนอ่านคำพิพากษาคดีจำนำข้าวครั้งแรกตั้งแต่เมื่อวันที่ 25 ส.ค.เขาก็ไม่ได้รับการติดต่จากน.ส.ยิ่งลักษณ์อีกเลย

ขณะที่นายสุรศักดิ์ ตรีรัตน์ตระกูล ผู้ตรวจการอัยการ ซึ่งเป็นรองหัวหน้าคณะทำงานอัยการรับผิดชอบคดีจำนำข้าวและระบายข้าว ได้กล่าวว่า คดีจำนำข้าวที่อัยการสูงสุดได้ยื่นฟ้องน.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นจำเลยนั้น ขณะนี้ถือว่าคดีเป็นที่สุดตามคำพิพากษาของศาลฎีกาฯ แล้ว เพราะไม่ได้มีการยื่นอุทธรณ์คดี โดยในส่วนของโจทก์เอง นายเข็มชัย ชุติวงศ์ อัยการสูงสุด ก็ได้มีความเห็นเมื่อวันศุกร์ที่ 27 ต.ค. ที่ผ่านมาแล้วเห็นว่าศาลฎีกาฯ ได้พิพากษาจำคุก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตามบทลงโทษที่ได้ยื่นฟ้องคดีแล้วจึงไม่ได้ยื่นอุทธรณ์อีกต่อไป และเมื่อคดีถึงที่สุด ตามคำพิพากษาของศาลฎีกาฯ แล้วจากนี้ก็จะเป็นเรื่องการบังคับคดีตามคำพิพากษา ก็จะต้องดำเนินกระบวนการติดตามตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ มารับโทษต่อไปซึ่งจะไม่มีการนับอายุความแล้ว หากหลบหนีก็ต้องหลบหนีไปตลอด

ส่วนเรื่องความรับผิดทางละเมิดที่กระทรวงการคลังเคยมีคำสั่งให้ชดใช้ค่าเสียหายนั้นก็เป็นเรื่องของหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องอื่นจะต้องว่ากล่าวขั้นต่อไป ซึ่งทราบว่ากรณีดังกล่าวอยู่ในการพิจารณาของศาลปกครอง ก็จะต้องดำเนินการต่อไปตามขั้นตอนกระบวนการ

นายสุรศักดิ์ รองหัวหน้าคณะทำงานอัยการรับผิดชอบคดีจำนำข้าวและระบายข้าว กล่าวอีกว่า สำหรับคดีทุจริตการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐหรือจีทูจีนั้น ขณะนี้อัยการก็กำลังพิจารณาประเด็นอุทธรณ์ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ครั้งที่ 2 ไปแล้ว

เมื่อถามถึงเรื่องการเพิกถอนหนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต) ของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ผู้ต้องโทษตามคำพิพากษาศาลฎีกาฯซึ่งคดีถึงที่สุดแล้ว นายสุรศักดิ์ รองหัวหน้าคณะทำงานอัยการรับผิดชอบคดีจำนำข้าวและระบายข้าว กล่าวว่า กรณีนั้นเป็นเรื่องกระทรวงการต่างประเทศต้องพิจารณาต่อไป

ขณะที่นายกิตินันท์ ธัชประมุข อธิบดีอัยการสำนักงานสอบสวน ซึ่งเป็นคณะทำงานรับผิดชอบคดีจำนำข้าวและระบายข้าว ได้กล่าวถึงความคืบหน้าการอุทธรณ์คดีทุจริตระบายข้าวว่า จะมีการประชุมคณะทำงานในช่วงต้นเดือน พ.ย.นี้ เพื่อจะสรุปประเด็นการอุทธรณ์คดีซึ่งขณะนี้ได้มีการร่างคำอุทธรณ์ไว้แล้วว่าจะมีแนวทางอย่างไร ซึ่งหลักใหญ่ก็จะเน้นกลุ่มเอกชนที่ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษายกฟ้องไป ซึ่งส่วนนี้จะต้องพิจารณารายละเอียดให้รอบคอบเพราะจะมีผลสืบเนื่องกับความเสียหายทางแพ่ง โดยถ้าศาลยกฟ้องราชการก็มีอาจเรียกร้องค่าเสียหายจากกลุ่มโรงสีดังกล่าวได้ ส่วนกลุ่มจำเลยที่เป็นอดีตนักการเมืองและอดีตข้าราชการกรมการค้าต่างประเทศนั้นก็เป็นประเด็นยิบย่อย ในเรื่องการแก้ไขสัญญาบางฉบับว่าจะยื่นอุทธรณ์ด้วยหรือไม่โดยคำพิพากษาของศาลฎีกาที่ออกมาแล้ว นั้นก็ได้ลงโทษกลุ่มจำเลยดังกล่าวไว้ในอัตราโทษที่ค่อนข้างสูงตามบทลงโทษแล้ว

เมื่อถามว่า อัยการจะสรุปประเด็นและยื่นอุทธรณ์คดีการทุจริตระบายข้าวแบบจีทูจีได้ทันภายในระยะเวลาการขอขยายอุทธรณ์ ครั้งที่ 2 นี้ช่วงสิ้นเดือน พ.ย.หรือไม่

นายกิตินันท์ ธัชประมุข อธิบดีอัยการสำนักงานสอบสวน กล่าวว่า น่าจะทัน เพราะขณะนี้มีความพร้อม ในการร่างอุทธรณ์ไว้แล้วเพียงแต่ต้องสรุปประเด็นให้ครบถ้วนชัดเจนอีกครั้ง โดยในส่วนของนายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ และนายบุญทรง เตริยาภิรมย์อดีต รมว.พาณิชย์ จำเลยที่1-2 นั้นได้ยื่นอุทธรณ์คดีต่อศาลฎีกาฯแล้ว และขณะนี้คณะทำงานอัยการก็ได้รับสำเนาคำอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองแล้ว ระหว่างนี้ก็จะตรวจดูรายละเอียดเพื่อจะทำคำแก้อุทธรณ์ส่งต่อศาลฎีกาฯต่อไป ซึ่งจะมีระยะเวลาประมาณ 30 วัน แต่หากรายละเอียดมีมาก ทำคำแก้อุทธรณ์ไม่ทันก็ขอขยายระยะเวลาได้อีก

เมื่อถามว่า การไม่ยื่นอุทธรณ์คดีจำนำข้าวที่ยื่นฟ้องน.ส.ยิ่งลักษณ์ ซึ่งศาลได้พิพากษาลงโทษในประเด็นการระบายข้าวเท่านั้นไม่ได้ระบุเป็นความผิดจำนำข้าวแล้วจะมีผลอย่างไรหรือไม่

นายกิตินันท์ อธิบดีอัยการสำนักงานสอบสวน กล่าวว่า สำหรับคดีจำนำข้าวที่อัยการสูงสุดได้ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์นั้น เป็นการกระทำเพียงกรรมเดียว โดยเป็นการยื่นฟ้องถึงการปฎิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบในภาพรวมทั้งโครงการจำนำข้าวที่มีความต่อเนื่องมา จนถึงการนำข้าวที่เข้าสู่โครงการมาระบายออกขาย ด้วยการทำสัญญาขายข้าวแบบจีทูจี ดังนั้นแม้จะเป็นการระบุถึงการละเว้นปฎิบัติหน้าที่ไม่ชอบฯในช่วงของการระบายข้าวแต่ก็ถือว่าเป็นความผิดตามที่อัยการได้ฟ้องและศาลมีคำพิพากษาตามบทลงโทษนั้นแล้วโดยการฟ้องอัยการไม่ได้แยกเหตุการณ์ฟ้องต่างกรรมกัน