DTAC - ซื้อ

DTAC - ซื้อ

ราคาหุ้นที่ลดลงจากกำไรไตรมาส 3/60 ที่อ่อนแอ ถือว่าเป็นโอกาสเข้าซื้อ

ประเด็นการลงทุน

ราคาหุ้น DTAC ปรับตัวลดลงไปเกือบ 10% ก่อนหน้าผลประกอบการไตรมาส 3/60 ที่ออกมาแย่ลง แต่เราเชื่อว่าตลาดตื่นตระหนกและเทขายหุ้นออกมามากเกินไป ถึงแม้ว่ารายได้บริการที่ลดลงทั้ง YoY และ QoQ จะเป็นปัจจัยลบสำหรับงบไตรมาส 3/60 แต่ EBITDA ในไตรมาสนี้ยังคงถือว่าเติบโตแข็งแกร่ง เราคาดว่ารายได้บริการมีแนวโน้มที่จะกลับมาฟื้นตัวเพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ ในไตรมาส 4/60 จากรายได้บริการโพสต์เพดที่ยังคงเติบโตดีต่อเนื่องและรายได้พรีเพดที่จะเริ่มทรงตัวมากขึ้น รวมถึงรายได้ของบริการไลน์โมบายที่จะบันทึกเข้ามาซึ่งให้มาร์จิ้นที่สูงกว่าบริการปกติของ DTAC เราคิดว่าเป็นจังหวะที่ดีที่จะเข้าสะสมหุ้น DTAC อีกครั้งก่อนที่จะมีการเซ็นสัญญาดีลพันธมิตรคลื่นความถี่ 2.3 กิกะเฮิร์ซกับทีโอทีอย่างเป็นทางการและการเปิดประมูลคลื่นความถี่ของ กสทช.ในช่วงครึ่งแรกของปี 2561 (ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกหนุนราคาหุ้นในกลุ่มสื่อสารโดยรวมภายในปี 2561) DTAC ถือว่าเป็นหุ้นที่เราแนะนำให้ลงทุนเป็นอันดับแรกในกลุ่มไอซีที ด้วยมูลค่าหุ้น ณ ปัจจุบันที่น่าสนใจมากกว่าหุ้นอื่นๆ ในกลุ่มโทรศัพท์เคลื่อนที่ โดยซื้อขายที่อัตราส่วน EV/EBITDA ต่ำมากเพียงแค่
6.4 เท่าในปี 2561

สรุปผลประกอบการไตรมาส 3/60—ต่ำกว่าคาด

DTAC รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/60 ที่ 601 ล้านบาท ลดลง 9% YoY และ 19% QoQ ถ้าไม่รวมกำไรจากการขายธุรกิจบางส่วนของเพย์สบายซึ่ง
บันทึกครั้งเดียวหลังหักภาษีจำนวน 107 ล้านบาท และขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 4 ล้านบาท กำไรหลักในไตรมาสนี้อยู่ที่ 498 ล้านบาท ลดลง 24% YoY และ 33% QoQ กำไรสุทธิและกำไรหลักต่ำกว่าคาดคิดเป็น 13% และ 27% ตามลำดับ เนื่องจากรายได้บริการที่ต่ำกว่าคาดและขาดทุนจากธุรกิจขายเครื่องโทรศัพท์ที่สูงกว่าคาด ขาดทุนขั้นต้นที่ทำการปรับปรุงใหม่ของธุรกิจขายเครื่องโทรศัพท์ในไตรมาส 3/60 อยู่ที่ 456 ล้านบาท ขาดทุนลดลง 28% YoY และ 21% QoQ เนื่องจากการลดเงินอุดหนุนค่าเครื่องโทรศัพท์สำหรับลูกค้าโพสต์เพดลงอย่างต่อเนื่อง รายได้บริการ (ที่ไม่รวมไอซี) ในไตรมาสนี้ลดลง 1.5% YoY และ 2.7% QoQ เนื่องจากรายได้พรีเพดที่ลดลงกลบรายได้โพสต์เพดที่เพิ่มขึ้นแข็งแกร่งแต่ถึงแม้ว่ารายได้บริการอ่อนตัวลง แต่ EBITDA ในไตรมาสนี้กลับถือว่ายังคงเติบโตแข็งแกร่ง 7% YoY EBITDA มาร์จิ้นในไตรมาสนี้อยู่ที่ 40.7% ซึ่งถือว่ายืนเหนือ 40% ติดต่อกันต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่สองเนื่องจากเงินอุดหนุนค่าเครื่องโทรศัพท์ที่ลดลง และการควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น (ดูรายละเอียดได้ในหน้า 4)

รายได้บริการมีแนวโน้มพลิกกลับมาฟื้นตัวในไตรมาส 4/60

เป้าผลการดำเนินงานของบริษัทสำหรับปี 2560 ยังคงถือว่าไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งได้แก่ รายได้บริการ (ที่ไม่รวมไอซี) มีแนวโน้มทรงตัว EBITDA มีแนวโน้มอย่างน้อยเท่ากับในปี 2559 และงบลงทุนรวมที่ 1.7-2 หมื่นล้านบาท และเนื่องจากรายได้บริการสำหรับงวด 9 เดือนของปี 2560 ซึ่งทรงตัวและเป้ารายได้บริการปี 2560 ซึ่งทรงตัวเทียบกับปี 2559

เราจึงประมาณการว่ารายได้บริการในไตรมาส 4/60 มีแนวโน้มอยู่ที่ 1.61 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.5% YoY และ 0.9% QoQ การพลิกกลับของรายได้บริการจากที่ลดลง YoY และ QoQ เนื่องจากรายได้บริการโพสต์เพดที่เพิ่มขึ้นแข็งแกร่งต่อเนื่องและรายได้บริการพรีเพดที่เริ่มทรงตัวมากขึ้น จากแบรนด์ดิ้งของ DTAC ที่ปรับตัวดีขึ้น มุมมองด้านคุณภาพโครงข่ายของลูกค้าที่ดีขึ้น และแคมเปญการดึงลูกค้าให้อยู่กับระบบที่มากขึ้น รวมไปถึงความคุ้มค่าของเงินต่อมูลค่าที่ลูกค้าได้รับที่มากขึ้นและการออกบริการไลน์โมบายซึ่งให้มาร์จิ้นสูงกว่าบริการปกติของ DTAC ซึ่งจนถึงปัจจุบันบริการไลน์โมบายถือว่าดึงลูกค้าเข้าสู่ระบบ DTAC ได้จำนวนมากในช่วงเดือนก.ย.-ต.ค.

ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2560 เพิ่มขึ้นจากสมมติฐานการเซ็นสัญญาคลื่นความถี่ 2.3 กิกะเฮิร์ซที่ล่าช้าออกไป

ถึงแม้ว่าผู้บริหารยังคงมั่นใจอยู่ ณ ปัจจุบันว่าจะสามารถเซ็นสัญญาคลื่นความถี่ 2.3 กิกะเฮิร์ตอย่างเป็นทางการกับทีโอทีได้ภายในไตรมาส 4/60 แต่เราตัดสินใจปรับเปลี่ยนไปใช้สมมติฐานในกรณีแย่ที่สุดซึ่งได้แก่ การเซ็นสัญญาคลื่นความถี่ 2.3 กิกะเฮิร์ตอย่างเป็นทางการเลื่อนออกไปเป็นไตรมาส 1/60 (เนื่องจากเหลือระยะเวลาอีกเพียงแค่ 2 เดือนจนถึงสิ้นปี 2560) ส่งผลให้เราทำการปรับประมาณการของเราใหม่โดยดึงเอาค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับคลื่นความถี่ 2.3 กิกะเฮิร์ซออกจากประมาณการของเรา (ซึ่งก่อนหน้านี้เราคำนวณรวมค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับคลื่นความถี่ 2.3 กิกะเฮิร์ซในประมาณการของเราคิดเป็น 1 เดือนในไตรมาส 4/60) เราจึงทำการปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2560 เพิ่มขึ้นอีก 25% (ไปเป็น 2.2 พันล้านบาท) และกำไรหลักปี 2560 เพิ่มขึ้นอีก 19% (ไปเป็น 2.06 พันล้านบาท) เราประมาณการกำไรสุทธิไตรมาส 4/60 ที่ 630 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,993% YoY และ 5% QoQ และกำไรหลักไตรมาส 4/60 ที่ 610 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 261% YoY และ 23% QoQ