รู้หรือไม่!! 'ถุงยางอนามัย' ไทยครองแชมป์ตลาดโลก

รู้หรือไม่!! 'ถุงยางอนามัย' ไทยครองแชมป์ตลาดโลก

รู้หรือไม่!! ปี 2559 ไทยส่งออก "ถุงยางอนามัย" เป็นอันดับหนึ่งของโลก เหตุต่างชาติมั่นใจคุณภาพ ชี้ตลาดส่งออกใหญ่ได้แก่ จีน - สหรัฐ

นพ.สุขุม กาญจนพิมาย อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลมีนโยบายให้ทุกภาคส่วนใช้ยางพารามาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพื่อส่งเสริมการใช้ยางพาราในประเทศนั้น ที่ผ่านมา กรมวิทย์ฯ ได้พัฒนาการให้บริการทดสอบคุณภาพเครื่องมือแพทย์ที่ทำจากยางพารา เช่น ถุงยางอนามัย ถุงมือสำหรับการตรวจโรค และถุงมือสำหรับการศัลยกรรม โดยระหว่างปี พ.ศ.2557-2559 ได้ตรวจคุณภาพถุงยางอนามัยและถุงมือแพทย์ รวม 980 ตัวอย่าง โดยทดสอบคุณสมบัติทางกล/กายภาพ ได้แก่ ด้านมิติ ความกว้าง ความยาว ความหนาการรั่วซึมน้ำ แรงดึง ความยืดเมื่อขาดและความปราศจากเชื้อ พบว่าถุงยางอนามัยมีคุณภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 100%

ขณะที่ถุงมือสำหรับการตรวจโรค ยังพบไม่เข้ามาตรฐานอยู่ประมาณ 9% ส่วนถุงมือสำหรับการศัลยกรรมไม่เข้ามาตรฐาน 7% สาเหตุส่วนใหญ่มีปัญหาความทนต่อแรงดึงและความยืดตัวของเนื้อยางการรั่วซึมน้ำ ความยาว ความหนา และความกว้าง ตามลำดับ

ทั้งนี้ จากการตรวจทดสอบคุณภาพโดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์จะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถไปดำเนินการขอใบอนุญาตหรือหนังสือรับรองการผลิต เพื่อจำหน่ายในประเทศหรือส่งออกกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้หากผู้ประกอบการได้รับการรับรองความสามารถของห้องปฏิบัติการทดสอบตามมาตรฐาน ISO/IEC 17025 : 2005 จากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์แล้ว สามารถดำเนินการขอขึ้นบัญชีเป็นหน่วยตรวจสอบกับ อย. และจะสามารถใช้ผลการตรวจสอบคุณภาพของห้องปฏิบัติการผู้ประกอบการเอง ในการยื่นขอใบอนุญาตหรือหนังสือรับรองการผลิต เพื่อจำหน่ายหรือส่งออกได้เช่นกัน

นพ.สุขุม กล่าวอีกว่า ปัจจุบันมีผู้ประกอบการผลิตถุงยางอนามัยในประเทศไทยทั้งสิ้น 7 ราย และการที่มีคุณภาพมาตรฐานถึง 100% ทำให้ปี พ.ศ.2559 ประเทศไทยส่งออกถุงยางอนามัยสูงเป็นอันดับ 1 ของโลก เพราะต่างประเทศมั่นใจในคุณภาพ มูลค่าการส่งออกประมาณ 22% หรือประมาณ 4,894 ล้านบาท ตลาดส่งออกถุงยางอนามัยรายใหญ่ของไทย คือ จีน รองลงมา คือ สหรัฐอเมริกา รัสเซีย ฮ่องกง และมาเลเซีย

สำหรับถุงมือยางมีการผลิต 3 ประเภท คือ ถุงมือยางที่ใช้ทางการแพทย์ ถุงมือยางที่ใช้ในงานบ้าน และถุงมือยางที่ใช้ในอุตสาหกรรม โดยมีการผลิตถุงมือดังกล่าวทั้งหมดประมาณ 15,110 ล้านคู่ โดยมีการใช้ในประเทศ 2% ส่วนใหญ่ 98% เป็นส่งออก และในจำนวนที่ส่งออกนั้น 90% เป็นถุงมือทางการแพทย์ จัดว่าส่งออกมากเป็นอันดับ 2 ของโลก มูลค่าประมาณ 36,465 ล้านบาท ตลาดใหญ่สหรัฐอเมริกา เยอรมัน และญี่ปุ่น