เผยคนไทยเป็นหนี้นอกระบบต่ำสุดในรอบ 10 ปี!!

เผยคนไทยเป็นหนี้นอกระบบต่ำสุดในรอบ 10 ปี!!

"หอการค้าไทย" เผยหนี้สินต่อครัวเรือนปีนี้เฉลี่ยที่ 299,266 บาท เพิ่มขึ้น 0.4% ขยายตัวในระดับต่ำ ขณะที่ยอดติดหนี้นอกระบบลดลงมากสุดในรอบ 10 ปี

นางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผย ผลสำรวจสถานภาพหนี้ครัวเรือนไทย ปี 2560 ว่า ครัวเรือนปัจจุบันกว่า 91.1% ยังคงมีหนี้สินอยู่ มีเพียง 8.9% เท่านั้นที่ไม่มีหนี้สิน โดยครัวเรือนที่ยังมีหนี้ ส่วนใหญ่เป็นหนี้เพื่อการใช้จ่ายทั่วไป รองลงมาเป็นหนี้เพื่อซื้อทรัพย์สิน เช่น รถยนต์ และบ้าน รวมถึงชำระหนี้เก่า

โดยจำนวนหนี้สินต่อครัวเรือนรวมในปีนี้ เฉลี่ยอยู่ที่ 299,266 บาทต่อครัวเรือน เพิ่มขึ้น 0.4% จากปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการขยายตัวต่ำสุดในรอบ 10 ปี โดยเป็นหนี้ในระบบ 74.6% ขณะที่หนี้นอกระบบอยู่ที่ประมาณ 26.4% ซึ่งสัดส่วนผู้ที่เป็นหนี้ในระบบเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา และทำให้ผู้ที่เป็นหนี้นอกระบบลดลงมากสุดในรอบ 10 ปี และคาดว่าในอีก 1 ปีข้างหน้าผู้เป็นหนี้นอกระบบจะลดลง จากมาตรการในการกำกับดูแลหนี้นอกระบบของภาครัฐ โดยประชาชนมีความระมัดระวังในการใช้จ่ายมากขึ้น โดยครัวเรือนมีความสามารถในการผ่อนชำระต่อเดือนอยู่ที่ 15,438.92 บาท

ส่วนการจับจ่ายใช้สอยในปีนี้ ครัวเรือนส่วนใหญ่ตอบว่าใช้จ่ายน้อยลง ทั้งปริมาณและมูลค่า เนื่องจากเห็นว่าค่าครองชีพในปัจจุบันสูงกว่ารายได้ จึงต้องการประหยัด ซื้อเฉพาะของจำเป็น นอกจากนี้บางส่วนใช้จ่ายตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง บางส่วนมีภาระหนี้มากขึ้น มีรายได้น้อยลงและข้าวของราคาแพงขึ้น ขณะที่โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐนั้น ผู้ที่ถือบัตรเห็นว่า สามารถช่วยแก้ปัญหาความยากจน เพิ่มสภาพคล่องในครอบครัว ทำให้เศรษฐกิจเกิดความคึกคัก และมีความพึงพอใจกับนโยบายดังกล่าว

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจ และธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า เศรษฐกิจไทย มีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง จากการส่งออกและการท่องเที่ยวไทยฟื้นตัวได้อย่างชัดเจนมากกว่าที่คาดไว้ รวมถึงภาครัฐมีการเร่งลงทุนในช่วงปลายปี จึงปรับเพิ่มประมาณการการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีนี้เป็น 3.9% จากเดิมที่คาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวได้ 3.6% ตัวเลขส่งออกจาก 7.5% อัตราเงินเฟ้อ 0.6% ส่วนปีหน้าคาดว่าเศรษฐกิจไทยน่าจะขยายตัวได้ 4.2% มาจากการส่งออกโตต่อเนื่อง เม็ดเงินจากการลงทุน โครงสร้างพื้นฐานหลายแสนล้านบาท และเม็ดเงินจากการเลือกตั้งอีก 4-5 หมื่นล้านบาทที่จะเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจไทยในปีหน้า และได้ประเมินภาพรวมเศรษฐกิจไทยไปในถึงปี 2564 ไว้น่าจะอัตราเติบโตเฉลี่ยต่อปี 4-5% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อปีหน้าขยายตัวเป็น 1.5% และในปี 63-64 จะขยายตัวเกิน 2% ขึ้นไป